posttoday

งัด ม.44 เชือดไก่ สกัดกลุ่มป่วนรธน.

28 กรกฎาคม 2559

ปรากฏการณ์ “เชือดไก่ให้ลิงดู” ครั้งใหม่ เกิดขึ้นในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ 7 ส.ค.

โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์

ปรากฏการณ์ “เชือดไก่ให้ลิงดู” ครั้งใหม่ เกิดขึ้นในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ 7 ส.ค. ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็น “ไม้แข็ง” ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) งัดมาสกัดกลุ่มป่วนกลุ่มต้านร่างรัฐธรรมนูญที่เริ่มเปิดหน้าออกมาเคลื่อนไหว

ล่าสุด คสช.ออกคำสั่งเรื่อง ประกาศรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบเพิ่มเติม ครั้งที่ 5 โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 ให้ บุญเลิศ บูรณุปกรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ระงับการปฏิบัติราชการหรือหน้าที่ในองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ เป็นการชั่วคราวจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงคำสั่งโดยไม่ได้รับค่าตอบแทน มีผลตั้งแต่วันที่ 26 ก.ค. เป็นต้นไป

นอกจากนี้ ยังให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและมีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายดำเนินการตรวจสอบหรือดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็ว ในกรณีพบว่ามีผู้บริหารหรือข้าราชการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นผู้อื่นเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดหรือไม่ ทั้งนี้ในกรณีพบว่าบุคคลตามข้อ 1 มีความผิดให้หน่วยงานดังกล่าวรายงานนายกฯ เพื่อพิจารณา หรือเปลี่ยนแปลงคำสั่งต่อไป โดยมีผลสืบเนื่องจากเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารเข้าตรวจค้น บริษัท ทัศนาภรณ์ ธุรกิจของตระกูลบูรณุปกรณ์ จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 23 ก.ค. หลังจากพบเบาะแสว่าอาจเกี่ยวข้องกับการส่งจดหมายบิดเบือนเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญไปยังที่พักประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือ

ในระหว่างที่บุญเลิศอยู่ที่ต่างประเทศ ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ อดีต สส.พรรคเพื่อไทย จ.เชียงใหม่ ผู้เป็นหลานสาว พร้อมทีมทนายความ เดินทางมายังกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เพื่อขอพบ พล.ต.ท.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ผบช.ภ.5 เพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับข่าวสารที่เกิดขึ้น มาขอทราบรายละเอียดก่อน

เนื่องจากจนถึงขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนถึงการกระทำผิดใดๆ เพราะในวันที่เจ้าหน้าที่เข้าไปค้นที่บ้านนั้น ได้แต่ยึดซองเปล่า และยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาใดๆ

การใช้ “ยาแรง” กับบุญเลิศ ถึงขั้นมีคำสั่งพักงานทั้งที่ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าทำผิด จึงอาจยิ่งตอกย้ำเป้าหมายเบื้องหลังคำสั่ง คสช. ที่ตั้งใจจะใช้กรณีนี้เป็นตัวอย่างให้ “กลุ่มอื่น” ได้เห็นเป็นเยี่ยงอย่าง และไม่กล้าที่จะผลีผลามออกมาทำอะไรที่สุ่มเสี่ยงต่อไป

ดังจะเห็นว่าหลายกรณีที่ปรากฏก่อนหน้านี้ มีบุคคลที่เกี่ยวพันความผิดที่ค่อนข้างชัดเจนกว่านี้ บางเรื่องใกล้เข้าสู่การชี้ขาดความผิด แต่ คสช.กลับไม่ออกคำสั่งมาพักการคล้ายกับกรณีนี้ ​ ปัจจัยแวดล้อมหลายอย่างจึงชวนให้คิดว่านี่เป็นมาตรการเชือดไก่สกัดกลุ่มป่วน

อย่าลืมว่าตระกูลบูรณุปกรณ์ถือเป็นกลุ่มการเมืองสำคัญในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ บ้านเกิดอดีตนายกรัฐมนตรี และยังเป็นฐานเสียงสำคัญของขั้วอำนาจเก่า

ยิ่งในช่วงใกล้การออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ เอกสารเผยแพร่ที่มีเนื้อหาเข้าข่ายบิดเบือนข้อเท็จจริงในรูปแบบต่างๆ ปรากฏให้เห็นมากขึ้นทั้งจากกลุ่มที่เปิดเผยตัวเองและไม่เปิดเผยตัวเอง

ในขณะที่การไปไล่จับก็ดูจะเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ที่ยากจะสำเร็จหรือเห็นผลได้อย่างทันทีทันควัน

ทั้งที่ฝ่ายที่เกี่ยวข้องควรจะให้น้ำหนักไปกับการนำเสนอข้อมูล ข้อเท็จจริง ที่ทั่วถึง ​ชัดเจน หักล้างประเทศที่ถูกบิดเบือนมากกว่า โดยเฉพาะในช่วงที่หลายฝ่ายกำลังเรียกร้องขอพื้นที่การแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างจากกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.)   

ดังนั้น กลุ่มป่วนหรือกลุ่มที่จ้องจะสร้างสถานการณ์ ซึ่งได้เห็นตัวอย่างจากกรณีบุญเลิศย่อมไม่กล้าทำอะไรสุ่มเสี่ยงหรือใส่เกียร์ว่าง ปล่อยให้เหตุการณ์ความวุ่นวายในพื้นที่เกิดขึ้น ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเวลานี้ต้องคิดหนักมากขึ้น

นอกจากจะไม่กล้าทำอะไรสุ่มเสี่ยงแล้ว อีกด้านหนึ่งยังอาจจะต้องหาทางป้องกันหรือสกัดไม่ให้กลุ่มต่างๆ มาเคลื่อนไหวในพื้นที่ของตัวเอง ที่จะสุ่มเสี่ยงถูกหางเลขโดนมาตรา 44 พักงานหรือรุนแรงกว่านั้น

เมื่ออำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในมือ คสช.​วันนี้สามารถทำอะไรก็ได้ ไม่อาจโต้แย้งหรือเอาผิดย้อนหลังได้

ดังนั้น จึงไม่แปลกที่ คสช.​จะเลือกเดินเกมใช้ “ยาแรง” งัดมาตรา 44 มาใช้ ในจังหวะหน้าสิ่วหน้าขวานที่สุ่มเสี่ยงจะเกิดความวุ่นวายได้ เพราะหากปล่อยไปโดยไม่หาทางสกัด​ เหตุการณ์ความวุ่นวายที่จะเกิด​ อาจกระทบต่อผลการลงประชามติที่จะเกิดขึ้น สุดท้ายย่อมกระทบต่อไปถึงเสถียรภาพของ คสช.อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง

ข่าวล่าสุด

ทำธุรกรรมกับต่างประเทศ ผู้จ่ายในไทยมีหน้าที่ทางภาษียังไงบ้าง?