posttoday

โบสถ์พราหมณ์ ที่นครศรีธรรมราช

24 กรกฎาคม 2559

จ.นครศรีธรรมราช นั้น อุดมไปด้วยประวัติศาสตร์ เป็นต้นทางศาสนาทั้งพุทธและฮินดู

โดย...ส.สต

จ.นครศรีธรรมราช นั้น อุดมไปด้วยประวัติศาสตร์ เป็นต้นทางศาสนาทั้งพุทธและฮินดู ที่แพร่เข้ามาในดินแดนสุวรรณภูมิ  จึงเห็นพระมหาธาตุเจดีย์ และพระพุทธรูปโบราณ เป็นตัวแทนแห่งพุทธศาสนา ส่วนศาสนาฮินดูมีตัวแทนคือโบสถ์พราหมณ์ เสาชิงช้า เทวรูป และศิวลึงค์ในรูปแบบต่างๆ จัดแสดงในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นครศรีธรรมราช

กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ กรมศิลปากร เชิญสื่อมวลชนจากส่วนกลางไปชมความยิ่งใหญ่ของศิลปวัฒนธรรม ในโครงการเผยแพร่มรดกศิลปวัฒนธรรมของชาติ ที่พัทลุง นครศรีธรรมราช และสุราษฎร์ธานี 24-26 พ.ค. 2559 ซึ่งโพสต์ทูเดย์เดินทางไปด้วย และนำเสนอเรื่อง จ.พัทลุงไปแล้ว ส่วนเรื่องใน จ.นครศรีธรรมราช เสนอไปแล้ว 2 ตอน แต่ก็ยังสรุปไม่ได้เพราะมีเรื่องน่าสนใจมากมายนัก

สำหรับวันนี้เสนอเรื่องที่เกี่ยวข้องกับศาสนาฮินดู ได้แก่โบสถ์พราหมณ์ หอพระอิศวร  รวมถึงเสาชิงช้า ทั้งสามสิ่งนี้บ่งบอกว่า จ.นครศรีธรรมราช เป็นประตูศาสนาฮินดูที่เข้าสู่ดินแดนสุวรรณภูมิ ที่ตั้งประเทศไทย

ข้อมูลที่กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ กรมศิลปากร จัดทำกล่าวถึงโบสถ์พราหมณ์ ว่าตั้งอยู่ที่ถนนราชดำเนิน ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช บริเวณเดียวกับหอพระอิศวร โดยห่างออกไปทางทิศใต้ ตั้งอยู่ระหว่างหอพระอิศวรกับเสาชิงช้า อยู่ค่อนมาทางข้างหน้าหอพระอิศวรเล็กน้อย ห่างกันประมาณ 10 เมตรเศษ

เทวสถานโบสถ์พราหมณ์เป็นศูนย์รวมของพราหมณ์ในนครศรีธรรมราช เพื่อประกอบพิธีกรรมเช่นตรียัมปวายและตรีปวาย นายประทุม ชุ่มเพ็งพันธุ์ ได้บันทึกเกี่ยวกับรูปแบบของโบสถ์พราหมณ์ไว้เมื่อ พ.ศ. 2494 ว่า หลังเดิมเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาดโตกว่าหอพระอิศวรและหอพระนารายณ์ไม่มากนัก สร้างด้วยไม้ทั้งหลัง ยกเว้นฐานล่างมีเสา 10 ต้น ยกพื้นสูงเล็กน้อย มีบันไดขึ้นทางด้านหน้าทิศตะวันออกทางเดียว มีลูกกรงไม้ล้อมทั้งสี่ด้าน ระหว่างลูกกรงไม้กับผนังกั้นห้องสามารถเดินได้รอบ เข้าใจว่าเมื่อผนังห้องชำรุดหักพังจึงรื้อออกเปิดโล่ง จึงมีลักษณะคล้ายกับศาลา หลังคาเดิมมุงด้วยกระเบื้อง ต่อมาเมื่อชำรุดมากเพื่อความสะดวกจึงใช้สังกะสีมุงแทน หลังคาด้านหน้าทำเป็นมุขเล็กซ้อนยื่นออกมาข้างหน้าคล้ายกับหอพระอิศวรหน้าจั่วทั้งด้านหน้าและด้านหลังใช้ไม้กระดานเรียงตามยาวตีแปะห้อยลงมา

โบสถ์พราหมณ์เคยมีกุฎิเพื่อเก็บรักษาเทวรูปสำหรับใช้ในพิธีพราหมณ์คือศิวลึงค์ 4 อัน ฐานรองศิวลึงค์ (โยนิโทรณะ) อันหนึ่ง ฐานรองเทวรูปฐานหนึ่ง และรูปพระคเณศวร์องค์หนึ่ง เดิมในกุฏินี้มีกระดานอยู่ 1 แผ่น สำหรับใช้ฝังในหลุมตามพิธีตรียัมปวายของพราหมณ์ กระดานที่กล่าวนี้จำหลักเป็นนางคงคา 2 แผ่น เป็นของเก่าครั้งกรุงศรีอยุธยาและกระดานจำหลักเป็นรูปพระอาทิตย์แผ่นหนึ่ง เป็นของสร้างขึ้นใหม่สำหรับใช้แห่แหนรูปนางคงคา แต่เมื่อเลิกพิธีตรียัมปวายสำหรับเมืองนี้แล้ว กระดานจำหลักทั้งสามแผ่นนี้ ก็ยังคงตั้งไว้ในโบสถ์พราหมณ์ต่อมา จนราว พ.ศ. 2509 โบสถ์พราหมณ์ชำรุดลงอย่างมาก ผู้ว่าราชการจังหวัดในสมัยนั้น จึงให้รื้อเพื่อทำการบูรณะใหม่ (แต่ติดขัดด้วยปัญหาบางอย่างจึงไม่ได้มีการบูรณะ) ส่วนรูปเคารพ เช่น ศิวลึงค์ ฐานศิวลึงค์ บางส่วนไปย้ายเก็บไว้ในหอพระอิศวร ส่วนนางกระดาน เทวรูปพระศิวะ เทวรูปพระนารายณ์  เทวรูปพระอุมาเทวี เทวรูปพระคเณศวร์ ศิวลึงค์ส่วนที่เหลือได้นำไปรักษาไว้ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นครศรีธรรมราช

กรมศิลปากร ประกาศขึ้นทะเบียนโบสถ์พราหมณ์เป็นโบราณสถานสำคัญของชาติ วันที่ 27 ก.ย. 2479

หอพระอิศวร

ตั้งอยู่ที่ถนนราชดำเนิน เป็นโบราณสถานในศาสนาพราหมณ์ลัทธิไศวนิกาย สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประดิษฐานศิวลึงค์ ภายในยังประดิษฐานเทวรูปสำริดอื่นๆ เช่น พระศิวะนาฏราช (เต้นรำ) พระอุมา พระคเณศวร์ และรูปหงส์ ปัจจุบันเทวรูปได้นำไปเก็บไว้ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นครศรีธรรมราช

กรมศิลปากร ประกาศขึ้นทะเบียนหอพระอิศวรเป็นโบราณสถานสำคัญของชาติ  วันที่ 14 พ.ย. 2521

หอพระนารายณ์

หอพระนารายณ์เป็นโบราณสถานในศาสนาพราหมณ์ลัทธิไวษณพนิกายบูชาพระนารายณ์เป็นใหญ่เหนือเทพองค์อื่นๆ สร้างขึ้นเพื่อใช้ประกอบพิธีเนื่องในลัทธิศาสนาและประดิษฐานเทวรูปพระนารายณ์

ลักษณะทางสถาปัตยกรรม ศิลปกรรม รูปทรงเดิมของหอพระนารายณ์เป็นอย่างไรไม่ปรากฏชัด แต่ปัจจุบันเป็นอาคารรูปสี่เหลี่ยมก่ออิฐถือปูน โครงหลังคาเป็นไม้มุงกระเบื้องดินเผาไม่เคลือบ ด้านหน้าเป็นรูปจั่วไม่มีกระประดับลวดลายใดๆ หันหน้าไปทางทิศตะวันตก ด้านหลังปิดทึบมีหน้าต่างข้างละ 1 ช่อง ส่วนเทวรูปพระนารายณ์ ทำด้วยหินทรายสีเทา สวมหมวกทรงกระบอกปลายสอบ พระหัตถ์ซ้ายทรงสังข์อยู่ในระดับพระโสณิ (ตะโพก) ครองผ้าเป็นวงโค้งสันนิษฐานว่าน่าจะมีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 10-11 เป็นเทวรูปพระนารายณ์ ฝีมือช่างท้องถิ่นที่เก่าที่สุดในศิลปะเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เทวรูปพระนารายณ์องค์นี้เป็นหลักฐานทางโบราณคดีที่สำคัญ แสดงถืงการรับอิทธิพลอารยธรรมอินเดียในพื้นที่นี้ีเก่าไปถึงพุทธศตวรรษที่ 10-11  (ปัจจุบันเก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นครศรีธรรมราช)

กรมศิลปากร ประกาศขึ้นทะเบียนหอพระอิศวรเป็นโบราณสถานสำคัญของชาติ วันที่ 24 ก.ย. 2479

 ส่วนเสาชิงช้านั้น ได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ จ.นครศรีธรรมราช จึงเป็นจังหวัดหนึ่งที่มีศาสนาสถานทั้งพุทธ พราหมณ์ แสดงถึงความยิ่งใหญ่ในอดีต

ข่าวล่าสุด

งานเข้า! EU สอบสวน Google ข้อหาผูกขาดเนื้อหาให้กับ AI ของบริษัท