กลุ่มทอผ้ากะเหรี่ยงบ้านหล่ายแก้ว เศรษฐกิจชุมชน พึ่งตนเอง
งานฝ้ายทอใจ ที่ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อปลายเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา
โดย...เจียรนัย อุตะมะ
งานฝ้ายทอใจ ที่ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อปลายเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา บูธที่ได้รับความนิยมจากประชาชนที่มาเลือกชมงานมากที่สุดบูธหนึ่ง คือ บูธของกลุ่มทอผ้ากะเหรี่ยงบ้านหล่ายแก้ว เรียกได้ว่าเสื้อทอสำเร็จรูปที่โชว์บนหุ่นหน้าบูธนั้น ถึงแม้ตัวจะหลักพัน แต่ลูกค้าได้ตัดสินใจซื้ออย่างรวดเร็ว ด้วยแบบและลายผ้าที่ออกแนวอนุรักษ์ รวมถึงแบบที่ใส่ง่าย และเนื้อผ้านุ่ม คุณภาพดี มีลูกค้าบางคนให้ข้อมูลว่าซื้อไปใส่และซักแล้วสีไม่ตก
จันทร์คำ ปู่เป็ด หรือเรียกกันว่า อาจารย์ตุ้ย วัย 43 ปี ประธานศูนย์การเรียนรู้ผ้าทอกะเหรี่ยงบ้านหล่ายแก้ว ต.บงตัน อ.ดอยเต่า จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า กลุ่มดังกล่าวเริ่มก่อตั้งมาได้ 22-23 ปีแล้ว โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2536 จากการที่ชาวบ้านหนองปู ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม จึงอพยพมาตั้งถิ่นฐานที่บ้านหล่ายแก้ว
“ตอนนั้นพ่อผมเป็นผู้ใหญ่บ้าน ผมจึงมีความคิดอยากหาอาชีพเสริมให้ชาวบ้านที่เป็นชนชาติกะเหรี่ยงหรือเรียกตัวเองว่า โผล่ง อยากอนุรักษ์การทอผ้าย้อมสีธรรมชาติแบบกะเหรี่ยง จึงขอสนับสนุนงบประมาณจากอาสาสมัครไทย-เยอรมันที่ทำงานอยู่เขื่อนภูมิพล อ.ดอยเต่า จ.เชียงใหม่ เพื่อนำมาเป็นทุนดำเนินการทอผ้า และเป็นทุนหมุนเวียนในการผลิต โดยอาสาสมัครเป็นตัวกลางในการหาตลาดช่วยกลุ่มสตรีแม่บ้าน โดยมี กัญญารัตน์ ปู่เป็ด ภรรยาผม เป็นประธานกลุ่ม”
จากทุนเริ่มต้นเริ่มแรก 2 หมื่นบาท ปัจจุบันกองทุนขยายเป็น 2 แสนบาท จากจุดเริ่มต้นชาวบ้านต้องจ่ายค่าฝ้ายเป็นต้นทุนที่ต้องหักจากกำไรจากค่าแรงงานที่ทอผ้า ปัจจุบันต้นทุนใช้เงินจากกองทุนฝ้าย แต่หักเงินค่าขายให้กองทุน 3% ของราคาขายสินค้า ในขณะที่กองทุนรับซื้อผลิตภัณฑ์ผ้าทอจากชาวบ้านนำไปขาย ได้เท่าไรหักเข้ากองทุน5% ของราคาขาย ทำให้บ้านหล่ายแก้วที่มีชาวบ้านอาศัยอยู่ 400 กว่าหลังคาเรือน1,000 กว่าคน ซึ่งส่วนใหญ่มีอาชีพทอผ้า ได้มีอาชีพที่ตัวเองถนัดอยู่ได้ด้วยตัวเอง มีศูนย์การเรียนรู้ผ้าทอกะเหรี่ยงที่เปิดรับคนนอกเข้ามาเรียนรู้รวมถึงคนในหมู่บ้าน นอกจากศูนย์การจำหน่ายผ้าทอ
ปี 2537 อาสาสมัครได้สิ้นสุดโครงการย้ายถิ่นไปประจำประเทศอื่น กลุ่มขาดการตลาดที่จะเชื่อมโยงกับผู้ซื้อ อาจารย์ตุ้ยจึงอาสามาช่วยสตรีแม่บ้านเพื่อเดินตลาดต่อ จึงรวบรวมกลุ่มสตรีแม่บ้านเพื่อเดินหน้านำสินค้าไปขายในสถานที่ที่อาสาสมัครเคยทำไว้และได้รู้จักอาจารย์นิตยา ไชยวงศ์ ผู้ดูแลโครงการฝ้ายแกมไหม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จึงได้เพิ่มทักษะการบริหารและการย้อมสีธรรมชาติจากโครงการดังกล่าวและมีการจัดนิทรรศการ ได้ความรู้ประสบการณ์นำมาปรับใช้กับกลุ่มมากมาย
นับตั้งแต่ปี 2537 ปัจจุบัน ผ้าทอกะเหรี่ยงบ้านหล่ายแก้วได้สร้างชีวิตให้เยาวชนในชุมชนให้หันมาสนใจทอผ้าและเสริมอาชีพเป็นศูนย์เรียนรู้ครบวงจร เช่น การปลูกฝ้าย ย้อมสีธรรมชาติ เรียนรู้วิถีชุมชนเกี่ยวกับวัฒนธรรมประเพณีต่างๆ ในชุมชนปัจจุบัน เป็นศูนย์เรียนรู้และแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในการใช้สีธรรมชาติ ปลอดสารพิษ
ผ้าทอกะเหรี่ยงหล่ายแก้ว นอกจากมีลูกค้าที่เป็นคนที่เข้ามาเยี่ยมชมสินค้าและศูนย์การเรียนรู้ที่หมู่บ้านแล้ว ยังมีลูกค้าญี่ปุ่นขาประจำเข้ามาซื้อผ้าของหมู่บ้านทุกปี ปีละหลักหมื่นบาท และยังมาออกบูธขายสินค้าให้ต่างชาติเข้าชมงานทุกเดือนที่ตึกจัสมิน ชั้นแอล สุขุมวิท 23
เขาบอกว่า เริ่มแรกของการรวมกลุ่มสตรีแม่บ้านที่ทอผ้ากะเหรี่ยงนั้น เน้นงานอนุรักษ์วัฒนธรรมกะเหรี่ยงดั้งเดิม เมื่อทอผ้าเยอะขึ้น สินค้าก็กองอยู่ที่กลุ่มเป็นค่าใช้จ่ายเพราะขายไม่ได้ เมื่อมีการออกบูธแสดงสินค้า เริ่มรู้จักความต้องการของลูกค้า ก็เริ่มแปรรูปตามลูกค้าสั่ง จึงสามารถขายสินค้าหาเงินมาจ่ายชาวบ้านได้ และยังมีผลิตภัณฑ์ดั้งเดิมขายพร้อมกับผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบใหม่เพื่อให้ตรงใจตลาด
“ผลิตภัณฑ์ของกลุ่มสร้างรายได้ให้ชาวบ้านอย่างเป็นกอบเป็นกำทำให้ดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยตัวเองตั้งแต่ปี 2540 อย่างการออกบูธที่ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร ล่าสุดปลายเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา 4 วัน ก็ขายสินค้าได้ 5-6 หมื่นบาท”
อาจารย์ตุ้ย จบปริญญาตรีรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ โดยหลังจบป.6 โรงเรียนบ้านโท้ง หลังจากนั้นได้เรียนการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) และสอบเข้ามหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่


