ผู้ตรวจฯยันความเห็นไม่ขัดม.7พรบ.สงฆ์
"รักษเกชา"ยันความเห็นผู้ตรวจการฯปมม.7 พรบ.สงฆ์ดำเนินการถูกต้อง
"รักษเกชา"ยันความเห็นผู้ตรวจการฯปมม.7 พรบ.สงฆ์ดำเนินการถูกต้อง
วันที่ 12 ก.ค. นายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้ตรวจฯถึงกรณีที่คณะกรรมการกฤษฎีกามีความเห็นว่าขั้นตอนการเสนอชื่อสมเด็จพระสังฆราชของมหาเถรสมาคม (มส.) ไม่ขัดมาตรา 7 ของ พ.ร.บ.คณะสงฆ์ฯ ว่า ทางผู้ตรวจการฯ ได้มีการหารือกันและเห็นว่าขั้นตอนการเสนอชื่อสมเด็จพระสังฆราชว่าต้องเริ่มต้นที่นายกรัฐมนตรี และให้ มส. เห็นชอบก่อนที่นายกฯ จะนำชื่อขึ้นทูลเกล้า ซึ่งการพิจารณาของผู้ตรวจการฯ ไม่ได้ดูว่าใครจะเป็นผู้เหมาะสมหรือไม่เหมาะสม ดูเฉพาะกระบวนการ ดังนั้น ยืนยันว่าสิ่งที่ผู้ตรวจการฯดำเนินการไปถูกต้องแล้ว เพราะได้มีการพิจารณากลั่นกรองข้อมูลด้วยความรอบคอบ
“ผู้ตรวจการแผ่นดินเห็นว่าเมื่อนายกรัฐมนตรีต้องเป็นผู้รับผิดชอบในการทูลเกล้าฯ และรับสนองพระบรมราชโองการในการแต่งตั้งตำแหน่งดังกล่าว นายกฯย่อมต้องมีความรับผิดชอบในการกลั่นกรองบุคคลที่ได้รับการนำเสนอด้วย โดยที่มาตรา 7 กำหนดไว้ว่าต้องทูลเกล้าฯบุคคลที่สามารถดำรงตำแหน่งได้ ซึ่งกินความหมายกว้างมาก ทั้งกรณีสุขภาพ และกรณีอื่น ๆ ด้วย จึงต้องอยู่ที่ดุลยพินิจของนายกฯที่จะพิจารณา” นายรักษเกชา กล่าว
นายรักษเกชา ระบุว่า ดังนั้นความเห็นของนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ระบุว่ารัฐบาลมีกฤษฎีกาวินิจฉัยแล้ว ไม่ต้องฟังผู้ตรวจการแผ่นดินก็ได้นั้น แม้ว่าคำวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดินจะไม่มีผลผูกพันกับหน่วยงานต่างๆ เหมือนคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญก็ตาม แต่อย่าลืมว่าผู้ตรวจการฯเป็นองค์กรที่ทำหน้าที่และใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญ ต่างกับกฤษฎีกาที่เป็นหน่วยงานสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรีที่มีหน้าที่ให้คำปรึกษารัฐบาล
อย่างไรก็ตาม ถ้ารัฐบาลอยากหาความกระจ่างโดยวิธีอื่น ผู้ตรวจการฯก็ไม่ก้าวล่วงการวินิจฉัย แต่เชื่อว่านายกฯ คงมีวิธีตัดสินใจเอง แต่ถ้าอยากขอความเห็นเพิ่มเติม ผู้ตรวจฯก็ยินดีอธิบายความว่าทำไมถึงเสนอเช่นนั้น และที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่าทำได้ทั้งสองทาง ก็แสดงว่าสิ่งที่ผู้ตรวจการฯ มีความเห็นไปก็ไม่ผิด คำวินิจฉัยของกฤษฎีกาไม่ผูกพันกับทุกองค์กรเหมือนคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เป็นเพียงความคิดเห็น ไม่สามารถลบล้างความคิดเห็นของผู้ตรวจการฯ ได้
อย่างไรก็ตามสำหรับคำร้องเดิมของนายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีต สปช. ที่ขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินวินิจฉัย และส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญนั้น เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินชี้แจงว่าผู้ตรวจการแผ่นดินได้วินิจฉัยเป็นความเห็นไปแล้ว ส่วนการยื่นศาลรัฐธรรมนูญนั้น ผู้ตรวจการแผ่นดินมีความเห็นว่าเป็นกรณีของกระบวนการทางปฏิบัติ ไม่ใช่กรณีกฎหมาย หรือบทบัญญัติที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ จึงอยู่นอกเหนืออำนาจหน้าที่จะจะยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ