บทเรียนจาก‘ตกเขียว’ ทางแก้ขายบริการทางเพศ
ข่าวครึกโครมเรื่องการกวาดล้างสถานที่ลักลอบขายบริการทางเพศ เป็นประเด็นใหญ่อีกครั้งในสังคมไทย
โดย...อักษรา ปิ่นนราสกุล
ข่าวครึกโครมเรื่องการกวาดล้างสถานที่ลักลอบขายบริการทางเพศ เป็นประเด็นใหญ่อีกครั้งในสังคมไทย หลายฝ่ายมีความคิดเห็นที่แตกต่าง หากต้องการให้ปัญหาได้รับการแก้ไขควรให้การขายบริการทางเพศเป็นอาชีพที่ถูกกฎหมาย แต่ขณะที่ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยเพราะมองว่าเป็นการผลักหรือสนับสนุนให้เด็กและสตรีเข้าไปสู่วงจรค้าประเวณี และเกิดปัญหาค้ามนุษย์มากขึ้น
ปัญหาในอดีต จากความยากจน ด้อยโอกาส บีบคั้นให้แทบไม่มีทางเลือก ประกอบกับค่านิยมในบางพื้นที่ซึ่งนิยมให้บุตรสาวขายบริการ หาเงินตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ หญิงสาวมากมายจึงเข้าสู่วังวนขายบริการทางเพศอย่างฝืนทน
ในฐานะคนพะเยา และอดีต สส.พะเยา ลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ ประธานมูลนิธิพัฒนาเยาวสตรีภาคเหนือ ใช้ประสบการณ์ที่คลุกคลีด้านปัญหาสังคมของเด็กและสตรีมากว่า 20 ปี มองว่า ในอดีตด้วยภาวะเศรษฐกิจที่บีบคั้น โอกาสทางการศึกษามีน้อย ทำให้เกิดการตกเขียว ผลักให้เยาวชนหญิงส่วนหนึ่งถูกนำเข้าไปสู่กระบวนการค้าประเวณี ขายบริการเพื่อแลกกับสิ่งตอบแทนที่คิดว่าจะทำให้หลุดพ้นจากภาวะความยากลำบากได้
แต่ในสถานการณ์ปัจจุบัน ลดาวัลลิ์มองว่า 2 ปีมานี้ ภาวะเศรษฐกิจทรุดอย่างรุนแรงไม่เคยเป็นมาก่อน มีแรงงานสตรีถูกเลิกเพราะโรงงานปิดตัวจำนวนมาก ถ้ารัฐบาลทุ่มเทสนับสนุนสตรีให้มีอาชีพอย่างเต็มที่ เติมเต็มด้านทุน ทักษะ ความรู้ในการประกอบอาชีพ ทำให้เกิดรายได้ ทางออกของอาชีพก็จะมีมากขึ้น สนับสนุนให้การศึกษาแก่เยาวชนทุกระดับเต็มที่ เพื่อนำความรู้มาสร้างประโยชน์แก่ตัวเองและครอบครัว ก็คงไม่มีผู้ที่จะเลือกอาชีพขายบริการทางเพศ
ขณะที่ แสงวรรณ มณีวรรณ ผู้จัดการมูลนิธิ YMCA กรุงเทพ สาขาพะเยา ซึ่งทำงานต่อต้านค้าประเวณีและการค้ามนุษย์มานานร่วม 20 ปี ก็มองว่าวงจรการค้าประเวณีเปลี่ยนไปแล้ว
“การตกเขียวในอดีตเปลี่ยนไปนานแล้วไม่มีให้เห็นอีก แต่จะเปลี่ยนค่านิยมของกลุ่มเด็กและสตรีที่เข้ามาสู่กระบวนการค้าประเวณี ขายบริการทางเพศอย่างเต็มใจ เพราะต้องการความสะดวกสบาย ฟุ่มเฟือย บริโภควัตถุนิยม ไม่มีวินัยการใช้จ่าย ไม่ค่อยสู้งาน ฯลฯ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเด็กที่มีความเสี่ยงเรื่องปัญหาในครอบครัว ถูกเลี้ยงด้วยวัตถุ”
แสงวรรณ มองว่า ปัญหาเศรษฐกิจถือว่ามีส่วนอย่างมาก เมื่อคนไม่มีเงินก็ต้องดิ้นรนหางานทำ ใช้เวลาหาเงินจนละเลยการดูแลลูก ครอบครัวขาดความอบอุ่น พ่อแม่ไม่มีเวลาสอนทักษะชีวิตให้แก่ลูก ทำให้เมื่อพบปัญหาไม่สามารถอดทนสู้หรือปรับตัวรับมือและแก้ปัญหาได้ ทำให้เสี่ยงต่อการถูกล่อลวงได้ง่าย และยังเป็นการเปิดช่องว่างให้คนในครอบครัวหรือคนใกล้ชิดทำร้ายก่อความรุนแรงในครอบครัว ละเมิดทางเพศเด็กหญิงและสตรี จนนำไปสู่ปัญหาการค้าประเวณีและค้ามนุษย์ ซึ่งปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาลูกโซ่
แนวทางการแก้ปัญหาที่ผ่านมาด้วยการช่วยเหลือ สร้างโอกาส เช่น กองทุนหมู่บ้าน กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี แต่แสงวรรณกลับมองว่า ไม่ได้ตอบโจทย์ปัญหา แม้นว่ารัฐบาลจะมีเงินมาให้ แต่คนที่กู้เงินไปใช้ยังไม่สามารถวิเคราะห์เรื่องรายจ่ายของตัวเองได้ จึงเป็นเพียงการนำเงินมาใช้เพื่อยืดอายุการเป็นหนี้สินออกไป การศึกษาที่ผ่านมาเป็นเครื่องมือหนึ่งที่ช่วยชะลอให้เด็กหญิงไม่ต้องเข้าสู่วงจรค้ามนุษย์เท่านั้น
หากการขายบริการทางเพศยังไม่หมดไป ไม่ว่าสังคมจะเปลี่ยนแปรไปอย่างไร สังคมจะมีวิธีจัดการกับเรื่องเช่นนี้อย่างไร วิมล ปิงเมืองเหล็ก อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยพะเยา และประธานสภาวัฒนธรรมพะเยา ตั้งคำถามว่า “เห็นข่าวเด็กสาวถูกจับในห้องกระจกแถวรัชดาเมื่อไม่นานมานี้รู้สึกสงสาร สงสารว่าเขาจะได้จากการทำงานครั้งนั้นกี่มากน้อย แล้วใครที่รวย”
วิมล เห็นว่า ควรยกอาชีพนี้จากใต้ดินขึ้นมาบนดิน เพราะสามารถควบคุมดูแลทั้งด้านรายได้ สุขภาพ ผู้ประกอบการอย่างเป็นระบบ ตัดวงจรผู้ที่เอาเปรียบผู้ประกอบอาชีพนี้ทั้งระบบ ผู้หญิงที่เข้าสู่อาชีพนี้จะได้มีแต่ผู้ที่เต็มใจ จะไม่มีขบวนการค้ามนุษย์ หลอกลวง ข่มขู่คุกคามอีกต่อไป
“คำว่า ตกเขียว ล่องใต้ หรือคำอื่นๆ ที่เป็นปัญหาของสังคมล้านนานั้น ปัจจุบันเป็นตำนานไปแล้วเพราะเด็กๆ ของสังคมไทย โตขึ้นมาก็เดินเข้าสู่ระบบการศึกษาเกือบหมด และพอจะรู้ว่าอะไรดีอะไรชั่ว”
แต่ ธนวดี ท่าจีน ผู้อำนวยการมูลนิธิเพื่อนหญิง ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง ที่จะยอมรับให้การขายบริการเป็นอาชีพที่ถูกกฎหมาย เพราะเหมือนเป็นการส่งเสริมให้มีผู้หญิงเข้ามาสู่วงจรอาชีพนี้มากขึ้น การทำให้อาชีพขายบริการถูกกฎหมาย เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ สาเหตุของผู้ที่มาขายบริการ เพียงต้องการหลุดพ้นจากความยากลำบาก แสวงหาสิ่งที่ดีสำหรับชีวิตตัวเองและครอบครัว หากมีสวัสดิการที่ดีเพียงพอ มั่นใจว่าไม่มีใครที่อยากเข้าสู่วงจรขายบริการ แต่เธอสนับสนุนให้สามารถเป็นผู้ประกันตนเองได้ตามกฎหมายประกันสังคมได้โดยไม่เกี่ยวข้องกับอาชีพ
ด้าน แสงวรรณ เสนอว่า รัฐบาลควรถอดบทเรียนการทำงานปัญหาสังคมทั้งหมด ทบทวนนโยบาย ปฏิรูปการศึกษา สอนให้เด็กมีฝัน มีเป้าหมายในชีวิต รู้จักวิเคราะห์และแก้ปัญหา ครอบครัวใส่ใจลูกหลาน หลีกเลี่ยงการเลี้ยงด้วยวัตถุ ไม่เลี้ยงแบบลูกเทวดา รักแต่ความสบาย ต้องรู้จักช่วยเหลือตัวเองเป็นและมีจิตอาสาช่วยเหลือผู้อื่น
“ประสบการณ์ที่ได้ทำงานด้านนี้ พบว่าเมื่อเด็กได้รับโอกาสทางการศึกษา มีการฝึกทักษะชีวิต มีฝัน มีเป้าหมายในชีวิต เรียนจบได้ทำงานมีอาชีพที่ดี เช่น พยาบาล นักกฎหมาย ฯลฯ เมื่อกลับมาช่วยงานที่บ้านเกิด ยังได้มีจิตอาสาเป็นเครือข่ายเฝ้าระวังภัยสังคมให้แก่เด็กและสตรีในชุมชนด้วย” แสงวรรณ เสนอแนวทางจากประสบการณ์


