เก็บขยะ...ภูกระดึง ตอน 1
โดย...วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ อดีต รมต.ท่องเที่ยวและกีฬา
โดย...วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ อดีต รมต.ท่องเที่ยวและกีฬา
อิ่มใจบอกไม่ถูก แม้เล็บแทบจะหลุดออกมาจากทั้งสองเท้า แล้วหน้าขาก็เกร็งเต้นตุบๆ เหมือนสัญญาณบอกเจ้าของขาว่า “ข้าพร้อมเป็นตะคริวให้แกได้หน้าคะมำเมื่อไหร่ก็ได้” มาพักใหญ่แล้วนะ...
แต่พอผมเดินลงมาถึงซำแฮก ที่มักจะถูกกล่าวถึง โดยนักปีนภูกระดึงบอกกันว่า ลิ้นห้อยสมชื่อ ผมก็ยังยิ้มแป้นสดชื่น ราวกับเพิ่งมาถึงจากกรุงเทพฯ ใหม่ๆ และแปลกที่ซำแฮกถูกพูดถึงโดยนักปีนขาขึ้นเป็นส่วนใหญ่ เกือบไม่เคยอ่านเจอใครบ่นเหนื่อยที่นี่ตอนขาลง...
ใช่ครับ ผมเป็นอาสาสมัครที่ไปปีนเขาเก็บขยะที่ภูกระดึงมา...
ใครๆ เค้าไปภูกระดึงเพื่อเที่ยว จึงมักไปหน้าหนาว ส่วนกิจกรรมของเราชาวองค์การมหาชนที่ชื่อยาวๆ ที่สุดในหน่วยงานรัฐไทยว่า “องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน)” หรือ อพท. เราไปปีนกันตอนหน้าปลายร้อนเข้าหน้าฝนครับ
หน้าเบ้ เลยใช่มั้ยครับ... แต่ช้าก่อนเรามีเหตุผลครับ
อุทยานแห่งชาติภูกระดึงนั้น คนไทยที่รู้ความผูกเชือกรองเท้าผ้าใบเป็นเองเมื่อไหร่ ย่อมเคยได้ยินชื่อนี้ว่า สวย ว่าปีนยาก เดินไกล และเป็นที่นิยมมาก
บางวันมีคนขึ้นไปค้างตั้ง 5,000 คน/คืน ในช่วงเทศกาล โดยเฉพาะช่วงใกล้ปีใหม่ อุทยานแห่งชาติจึงต้องมีเวลาให้ภูเขาและต้นไม้ได้พักผ่อนบ้าง จึงกำหนดให้วันที่ 1 มิ.ย.ของทุกปี เป็นวันเริ่ม “ปิดภู พักป่า...”จะเปิดใหม่ก็วันที่ 1 ต.ค. ย่างเข้าหน้าหนาวนั่นแหละ...
ขยะที่สะสมจากนักท่องเที่ยว (ส่วนมากชาวไทยนี่แหละ) จึงเพียบแปร้พอดีในช่วงก่อนปิดภู พักป่า ปิดป่าหน้าฝนก็ดีแล้วครับ คนไม่นิยมมาปีน เพราะมันลื่น มันเละ และมันมีทากเยอะ แต่ อพท. ...ไปช่วงนี้อย่างจงใจ
เพราะอยากไปตอนนักท่องเที่ยวน้อยหน่อย เพราะถ้าเราไปตอนนักท่องเที่ยวเยอะๆ เราจะเกะกะทางเดินกันพอควร เพราะเรามีเป้าหมายไม่ใช่เพื่อ “ข้างบน” แต่เป้าหมายเราอยู่ “ข้างทาง” ต่างหาก
อพท.จึงประกาศทางออนไลน์และระบบปากต่อปากในปีนี้ ว่าเราจะทำกิจกรรมเก็บขยะภูกระดึงก่อนปิดป่า อย่าทิ้งขยะไว้ให้รบกวนเจ้าเขาและสัตว์ป่าเลย
ปรากฏว่าจิตอาสาจากทั่วสารทิศตอบรับดีมาก ทีมท่องเที่ยวปั่นจักรยานทางไกลได้ยินเข้าก็เลี้ยวเปลี่ยนที่หมายจะข้ามแดนไปลาวปั่นมาจอดที่ตีนภูกระดึงแทน...
มนุษย์เงินเดือน คนนั่งโต๊ะ นักคอมพิวเตอร์ นักกฎหมาย ภรรยาอดีตประธานศาลฎีกา นักข่าวอาวุโส คุณแม่ลูกสาม (มาพร้อมลูกเล็กทั้งสาม พร้อมเสื้อฝน ยากันยุงครึ่งหีบ ยากันทากครึ่งโหล และชุดเสื้อผ้ามาให้ลูกๆ เปลี่ยนใส่ระหว่างปีนเขาคนละ 2-3 ชุด) นักเรียนมัธยมต้น มัธยมปลาย รด.หัวเกรียน คุณครูศิลปะ นักดนตรี คนมีสตางค์มากหน้าหลายตา ปรากฏตัวขึ้นพึ่บพั่บไปหมด...
แม้แต่ครอบครัวชาวบ้านแถบนั้น ที่อุตสาหะมาเชียร์จิตอาสาแต่ปี่กลองดังเข้าก็เดินก้มๆ เงยๆ ราวถูกสะกดจิตปีนไปกับเค้าด้วยหน้าตาเฉยจนถึงซำแฮก เห็นมั้ยครับว่าท่องเที่ยวแบบอาสาสมัครนั้นมีเสน่ห์ทีเดียว (อ่านต่อตอนหน้า)


