หลวงปู่ภูพานวอนเพิ่มมาตรการคุมเข้มหลังพานทองคำหนัก42บาทถูกฉกหาย
สกลนคร - หลวงปู่ภูพาน เตรียมนำพานทองคำกลับไปถวายองค์พระธาตุพนม หลังถูกมือดีฉกหายไปนานกว่า 3 ปีก่อนนำมาคืน
สกลนคร - หลวงปู่ภูพาน เตรียมนำพานทองคำกลับไปถวายองค์พระธาตุพนม หลังถูกมือดีฉกหายไปนานกว่า 3 ปีนก่อนนำมาคืน
จากกรณีที่พานทองคำ น้ำหนัก 42 บาท ของหลวงปู่ภูพาน วัดโนนสวรรค์ (ภูดินแดง) ต.พังขว้าง อ.เมือง จ.สกลนคร ได้นำไปถวายเก็บรักษาไว้ใสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ภายในองค์พระธาตุพนมวรมหาวิหาร อ.ธาตุพนม จ.นครพนม เมื่อ 3 ปี ก่อน แต่เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาหลวงปู่ภูพานได้ไปสักการะองค์พระธาตุพนมและเข้าไปตรวจสอบพานทองคำ ภายในชั้น 3 ขององค์พระธาตุพนมกลับพบว่าพานทองคำดังกล่าวหายไปจากที่ตั้ง จนกลายเป็นประเด็นในเรื่องความปลอดภัยเกี่ยวกับสิ่งของมีค่าภายในองค์พระธาตุพนม ทำให้ทางวัดจัดประชุมเเต่งตั้งกรรมการเพื่อหาสอบหาข้อเท็จจริง กระทั่งล่าสุดมีบุคคลลึกลับนำพานทองคำมาคืนไว้ที่จุดรักษาความปลอดภัยภายในวัดพระธาตุพนม
หลวงปู่ภูพาน เจ้าอาวาสวัด โนนสวรรค์ (ภูดินแดง) กล่าวว่า พานทองคำมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของชาวสกลนคร เมื่อปี 2539 พานทองคำนี้ใช้เป็นพานในพิธีบายศรีสู่ขวัญ ต้อนรับพระราชอาคันตุกะ สมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 2 และเจ้าชายฟิลิป แห่งราชอาณาจักร เสด็จเยือน จ.สกลนคร อย่างเป็นทางการ ที่พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ หลังจากใช้ในงานพิธีบายศรีสู่ขวัญแล้วได้เก็บไว้ตลอด กระทั่งเมื่อปี 2556 จึงเห็นว่า พานทองคำนี้ควรนำไปอยู่ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ให้บุคคลได้กราบไว้เพราะมีความสำคัญเกี่ยวกับเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน ถือเป็นของมงคลสูงสุดยิ่งในชีวิต จึงนำไปถวายไว้ในองค์พระธาตุพนม แต่กลับถูกขโมยหายไป หลังเกิดเรื่องได้อโหสิและให้ทาน ไม่อยากยึดติด แต่อยากให้ทุกคนช่วยกันสอดส่องดูแลสิ่งของมีค่าด้านในองค์พระธาตุพนม
หลวงปู่ภูพาน กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบพานทองคำที่ถูกนำมาคืนนั้น ยืนยันเป็นของจริง เพราะเลียนแบบไม่ได้เนื่องจากพานทองคำดังกล่าวสร้างขึ้นโดยช่างร้านทองมืออาชีพที่กรุงเทพมหานคร และเป็นพานทองคำลงยา หากเป็นของปลอมทำไม่ได้ ต่อให้ใช้เวลากว่าเดือนก็ทำไม่เสร็จ ในเมื่อพบแล้วก็เป็นเรื่องดี บุคคลที่นำไปคงเกรงกลัวต่อบาปและคงทราบถึงความสำคัญจึงได้ตัดสินใจนำกลับมาคืน
"อาตมาไม่ติดใจ คงต้องปล่อยให้จนท.ทางวัดและตำรวจ ดำเนินการเพราะมีการแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ ส่วนพานทองคำจะประสานกับทางวัดพระธาตุพนม เพื่อขอนำกลับมารักษาไว้กับตัวเองก่อน และจะนำไปถวายไว้ภายในองค์พระธาตุพนมเช่นเดิม โดยจะทำพิธีเป็นทางการมีการลงบันทึกและมีผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเป็นพยานด้วย เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้สร้างกระแสหรือใดๆทั้งสิ้นตามที่สังคมมอง เพราะถึงทำไปก็ไม่มีประโยชน์มีแต่เสีย แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ทำให้เราต้องมีมาตรการสอดส่องดูแลทรัพย์สินภายในองค์พระธาตุพนมร่วมกันป้องกันการสูญหายมากขึ้น"