ผู้ตรวจฯเสือกระดาษเพราะกฎหมายไม่เอื้อ
ผู้ตรวจการแผ่นดิน นับเป็นหนึ่งในองค์กรอิสระที่ถือกำเนิดมาตั้งแต่รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 และยังคงสถานะความเป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญมาจนถึงปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม แม้ผู้ตรวจฯ จะอยู่กับสังคมไทยมาเกือบ 20 ปี แต่ “ศ.ศรีราชา” ในฐานะประธานผู้ตรวจฯ ซึ่งเป็นลูกหม้อคนสำคัญขององค์กรนี้ ยอมรับว่าการทำงานของผู้ตรวจฯ ยังต้องปรับปรุงให้เกิดประสิทธิภาพในหลายเรื่อง
ผู้ตรวจการแผ่นดิน นับเป็นหนึ่งในองค์กรอิสระที่ถือกำเนิดมาตั้งแต่รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 และยังคงสถานะความเป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญมาจนถึงปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม แม้ผู้ตรวจฯ จะอยู่กับสังคมไทยมาเกือบ 20 ปี แต่ “ศ.ศรีราชา” ในฐานะประธานผู้ตรวจฯ ซึ่งเป็นลูกหม้อคนสำคัญขององค์กรนี้ ยอมรับว่าการทำงานของผู้ตรวจฯ ยังต้องปรับปรุงให้เกิดประสิทธิภาพในหลายเรื่อง
“ตอนแรกของการมีผู้ตรวจการแผ่นดินตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 มีคนเข้าใจผู้ตรวจฯ น้อยเพราะเป็นองค์กรใหม่ มักจะสับสนระหว่างผู้ตรวจฯ และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เยอะทีเดียว เราก็พยายามแก้ไขกันไป มาตอนนี้ยอมรับว่ายังมีคนสับสนอยู่บ้าง เพราะเวลาเราออกพื้นที่ไปต่างจังหวัดก็ยังมีคนคิดว่าเราเป็น สตง. แต่ก็น้อยลงกว่าแต่ก่อนเยอะ ก่อนหน้านี้เราเคยคิดว่าจะเรียกชื่อผู้ตรวจฯ เป็นภาษาอังกฤษเลยว่า ‘Ombudsman’ เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน แต่ก็เป็นเพียงข้อเสนอเท่านั้น เพราะเรายังอยากใช้ชื่อองค์กรเป็นภาษาไทยอยู่
ปัจจุบันก็ดีขึ้นเยอะ มีคนรู้จักเราเยอะขึ้น ในปีสองปีที่ผ่านมาเราก็มีบทบาทเยอะขึ้นในสังคม เช่น การตัดสินคดีใหญ่ อย่างปัญหาน้ำมัน กฎหมายคณะสงฆ์”
เมื่อถามว่า ผู้ตรวจฯ ถูกมองว่าเป็นเสือกระดาษ เนื่องจากทำแค่ข้อเสนอเท่านั้น ประธานผู้ตรวจฯ อธิบายว่า อาจเป็นเรื่องของความเข้าใจหรือปรัชญาในการทำงานของผู้ตรวจฯ ในยุคแรกๆ ที่มองว่าต้องการแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธี ไม่มีการไปกระทบกระทั่งกับหน่วยงานราชการ ดังนั้น การแก้ไขปัญหาสันติวิธีจึงอาจถูกมองว่าไม่ได้มีบทบาทในเชิงรุก หรือต่อสู้ให้มีผลออกมาในเชิงแพ้หรือชนะ
“เราเสนอและทำความเห็นไปหลายร้อยเรื่อง ผมคิดว่าไม่ต่ำกว่า 400-500 เรื่อง แต่ผลตอบรับกลับมาไม่ค่อยเยอะเท่าไร ในร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เราขอไปยังคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญว่าการที่หน่วยงานรัฐเพิกเฉย ละเลย โดยไม่มีเหตุผลภายในระยะเวลาที่กำหนด จะถือว่าเป็นการผิดวินัยอย่างหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ถูกบรรจุไว้ในร่างรัฐธรรมนูญ”
ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ที่รอการลงประชามติมีผลอย่างไรกับผู้ตรวจฯ? ประธานผู้ตรวจฯ ตอบว่า บทบาทหน้าที่ของเราลดลงเป็นส่วนใหญ่ อย่างเรื่องจริยธรรมเราถูกลดบทบาทลงไป โดยให้ไปร่วมกับองค์กรอื่นในการทำประมวลจริยธรรม หรือเรื่องการตรวจสอบองค์กรอิสระอื่นๆ ก็ไม่ได้ระบุเป็นอำนาจของผู้ตรวจฯ ไว้อย่างชัดเจน รวมไปถึงการไม่ให้ผู้ตรวจฯ ติดตามประเมินผลการบังคับใช้รัฐธรรมนูญ ที่ผู้ตรวจฯ ยังมีอยู่ คือ การให้อำนาจหน้าที่ฟ้องร้องไปที่ศาลปกครองหรือศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้ความเห็นเกี่ยวกับการกระทำที่ขัดกับรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย
ประธานผู้ตรวจฯ สรุปสาเหตุที่ทำให้การบังคับใช้ประมวลจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไม่ได้ผล ทั้งๆ ที่เป็นอำนาจหน้าที่สำคัญของผู้ตรวจฯ ไว้อย่างน่าสนใจ ดังนี้
“ผมว่าเป็นปัญหานักการเมืองมากกว่า อำนาจของเราที่เรามีอยู่น่าจะพออยู่แล้ว จริงๆ แล้วกฎหมายที่ร่างขึ้นมาเป็นธรรมหรือไม่เป็นธรรมมันก็พูดยาก ต้องถามลึกลงไปว่าเป็นธรรมหรือไม่เป็นธรรมสำหรับใคร คนที่ถูกผลกระทบจากกฎหมายเขารับได้หรือไม่แค่ไหน อย่างไร
สิ่งที่ต้องมีมันควรจะมีไหม ผมว่าการมีมันก็ดี อาจช่วยให้เห็นทิศทางและหลักประกัน แต่มีแล้วเขาไม่ได้ปฏิบัติตามกฎหมาย เราก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับเขาเหมือนกัน เหมือนกับเราให้หนูเอากระพรวนไปผูกคอแมว ถ้าเผื่อรอดมาก็ไม่ถูกแมวกิน”


