posttoday

พระธรรมทูตขอให้เห็น ความดีของพระพุทธศาสนา

05 มิถุนายน 2559

เลขาธิการสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา เรียกชาวพุทธให้เห็นความดีของพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะชาวไทย

โดย...สมาน สุดโต

เลขาธิการสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา เรียกชาวพุทธให้เห็นความดีของพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะชาวไทย ว่าอย่าหลงใหล ชมชื่นเรื่องคนอื่น หรือวัฒนธรรมอื่นที่มาท่วมทับสังคมไทย สวนทางกับที่ชาวโลกชื่นชมไทย ที่มีวัฒนธรรมและพระพุทธศาสนา

พระครูสิริอรรถวิเทศ (ดร.พระมหาถนัด อตฺถจารี) เลขาธิการสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกาผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไทยวอชิงตัน ดี.ซี. ที่ได้รับนิมนต์มาประชุมงานวันวิสาขบูชาโลก ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ เมื่อวันที่ 22-23 พ.ค. 2559 โดยมีผู้แทนชาวพุทธประมาณ 2,000 รูป/คนอีก จาก 85 ประเทศ เข้าร่วมประชุมที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และห้องประชุมศูนย์ประชุมองค์การสหประชาชาติ ถนนราชดำเนิน กรุงเทพมหานคร ได้ให้สัมภาษณ์โพสต์ทูเดย์ เป็นกรณีพิเศษ เมื่อวันที่ 23 พ.ค. 2559 ว่า การประชุมวิสาขบูชาโลกนั้น เป็นการประชุมชาวพุทธทั่วโลกให้มีโอกาสมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และสะท้อนความดีของพระพุทธศาสนา

พระครูสิริอรรถวิเทศ ย้ำประเด็นการสะท้อนความดีพระพุทธศาสนาว่าสำคัญมาก เมื่อคนส่วนใหญ่คิดถึงความดีหรืออุปการคุณของพระพุทธศาสนาน้อยมาก โดยเฉพาะชาวพุทธเราเองที่ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในความประมาท จึงขอให้ทุกท่านเห็นคุณค่าพระพุทธศาสนาให้มาก โดยเฉพาะคนไทยที่มักไปนิยมชมชื่นเรื่องคนอื่นที่เขามี หรือวัฒนธรรมอื่นที่หลากหลาย ที่หลั่งไหลท่วมทับสังคมไทยในเวลานี้ อาตมาในฐานะพระธรรมทูตต่างประเทศอยู่สหรัฐอเมริกา (มานาน) ได้เห็นชาวโลกที่ไม่ใช่ชาวพุทธเขาพึงพอใจในความเป็นพุทธ ที่ช่วยกล่อมเกลานิสัยใจคอชาวพุทธให้อ่อนโยน มีเมตตา จะเห็นได้จากการที่ต่างชาติมาเมืองไทย ต่างนิยมชมชื่นคนไทย เป็นเสียงสะท้อนจากที่ประชุมวิสาขบูชาโลก ว่า คนไทยใจดี ยิ้มแย้มแจ่มใส เป็นต้น สิ่งทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ที่มีในคนไทย มาจากที่พระพุทธศาสนากล่อมเกลาชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทย จึงขอให้อนุชนคนรุ่นหลังที่ยังไม่เข้าใจในจุดนี้ ต้องศึกษาและรักษาคุณความดีเหล่านี้ไว้ให้คงอยู่คู่กับประเทศไทยตลอดไป

พระธรรมทูตขอให้เห็น ความดีของพระพุทธศาสนา บรรดานักวิชาการนานาชาติที่อภิปราย เรื่อง พระพุทธศาสนาช่วยสิ่งแวดล้อมได้อย่างไร ที่ศูนย์ประชุมองค์การสหประชาชาติ ในวันวิสาขบูชาโลก

 

พระครูสิริอรรถวิเทศ ซึ่งจบปริญญาเอก จากมหาวิทยาลัยมคธ ประเทศอินเดีย กล่าวว่า พระพุทธศาสนากล่อมเกลาความเป็นไทยจนมีความเป็นชาติ และความเป็นคนไทยจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งอาตมาพูดได้เต็มปาก เพราะทราบมาว่าคนต่างชาติมาไทยไม่ได้มาดูความเจริญที่มีในประเทศทางตะวันตก แต่ต้องการมาดูความเป็นไทย อาหารการกินแบบไทยๆ การแสดง และแต่งตัวแบบดั้งเดิมของคนไทย โดยเฉพาะวิถีชาวพุทธตามที่กล่าวแล้ว

การมาเฉลิมฉลองวิสาขบูชาแต่ละครั้ง ชาวพุทธทั่วโลกได้มาเห็นความเป็นไทย ได้มาเห็นความเป็นพุทธ มาตกลงกันในการที่จะเอาความดีของพระพุทธศาสนาออกมาช่วยสังคม มาเยียวยาสังคมที่เรียกว่าป่วยก็ได้ เพราะสังคมมีความโลภ ความโกรธ ความหลงมาก

ในช่วงที่ผู้เขียนสัมภาษณ์นั้น บนเวทีศูนย์ประชุมองค์การสหประชาชาติ มีการอภิปรายเรื่องสิ่งแวดล้อมว่า พระพุทธศาสนาจะเยียวยาสิ่งแวดล้อมของโลกได้อย่างไร ทั้งในเรื่องน้ำ อากาศ และป่าเขาที่มีการทำลายกันมาก ทำให้เกิดฝนแล้งน้ำท่วม แบบนี้พระพุทธศาสนาจะช่วยได้อย่างไร

พระครูสิริอรรถวิเทศ ให้ความเห็นว่า จะช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมได้ ต้องหาวิธีลดความโลภ ความโกรธ ความหลงให้ได้ เพราะกิเลส 3 ตัวที่ติดตัวมนุษย์มาแต่กำเนิดทำให้เกิดการทำลายธรรมชาติ ท่านพระครูเชิญชวนให้ประชาชนชาวพุทธดูพระพุทธเจ้าเป็นต้นแบบในการรักษาสิ่งแวดล้อม ไม่ใช่เพราะพระพุทธองค์ประสูติ ตรัสรู้ และนิพพานในป่าเท่านั้น พระธรรมวินัยหลายข้อห้ามไม่ให้พระภิกษุสงฆ์พรากของเขียว และขุดดิน เป็นต้น ข้อห้ามต่างๆ นี้คือการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

ในทางปฏิบัติด้านอื่น เช่น การฉันอาหาร และการชำระล้าง ยังมีข้อห้ามที่พระพุทธองค์บัญญัติห้ามมิให้ภิกษุเทน้ำล้างบาตรที่มีเมล็ดข้าวสุกลงไปในแม่น้ำ ไปคิดดูให้ดีเถิด พระพุทธเจ้าเป็นนักอนุรักษ์ธรรมชาติตัวยง แต่ชาวพุทธเราไม่ได้วิตกกังวลเรื่องนี้ กลับมองเป็นอย่างอื่นไป

พระธรรมทูตขอให้เห็น ความดีของพระพุทธศาสนา พระเทพโพธิวิเทศ (วีรยุทธ์) หัวหน้าพระธรรมทูตไทยอินเดีย เนปาลทักทายพระครูสิริอรรถวิเทศ ด้วยความสนิทสนม

 

จึงขอฝากท่านทั้งหลายว่า พระพุทธศาสนามีหลักธรรมรอบด้าน ทั้งเศรษฐกิจ ทหาร การเมือง วัฒนธรรม และสังคม จะเอาธรรมะข้อไหนในพระพุทธศาสนามาใช้ หรือช่วยเป็นแนวทางในชีวิตประจำวันได้ตลอดเวลา ขึ้นอยู่ว่าอยู่ในสถานการณ์ไหน มีปัญหาอะไร ถ้ามีปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ ทำมาหากินไม่พอใช้ พระพุทธเจ้าก็บอกคาถาหรือหัวใจเศรษฐี คือ อุ อา กะ สะ ไว้ปฏิบัติ

 เมื่อธรรมะอินเทรนด์ พระเณรเลยต้องยุ่ง โดย พระพยอม กลฺยาโณ ขยายความหัวใจเศรษฐี ว่า

บุคคลใดต้องการร่ำรวยมีทรัพย์สินเงินทองและเกียรติยศชื่อเสียง จะต้องปฏิบัติตามหลักธรรม 4 ประการ หรือเรียกว่า หัวใจเศรษฐี โดยจะต้องประพฤติดีปฏิบัติชอบ ดังต่อไปนี้

อุ มาจากคำว่า อุฏฐานสัมปทา คือ พร้อมด้วยความขยัน หมั่นเพียร ในการประกอบสัมมาอาชีพ หรือจำง่ายๆ ว่า ขยันหา

อา มาจากคำว่า อารักขสัมปทา คือ การเก็บรักษาทรัพย์สินที่ได้มาโดยชอบธรรม หรือจำง่ายๆ ว่า ขยันเก็บ

กะ มาจากคำว่า กัลยาณมิตตตา คือ การคบหาสมาคมกับคนดี มีคุณธรรม มีน้ำใจและเป็นเพื่อนที่ไม่พาไปผลาญทรัพย์ หรือจำง่ายๆ ว่า เลือกคบ

สะ มาจากคำว่า สมชีวิตา คือ การใช้จ่ายอย่างประหยัด พอเพียง ใช้ชีวิตสมถะ ไม่ฟุ่มเฟือย หรือจำง่ายๆ ว่า เลือกใช้

นี่คือส่วนหนึ่งความดีของพระพุทธศาสนา ที่ช่วยสร้างความเป็นเศรษฐีให้ทุกท่านได้

ข่าวล่าสุด

"พลังงาน" สั่งเข้ม! ตรวจสอบปริมาณส่งออกน้ำมัน ทางบก-เรือ พร้อมร่วมมือกองทัพสกัดลักลอบส่งน้ำมันเข้ากัมพูชา