posttoday

ดาวบาร์นาร์ด

05 มิถุนายน 2559

ดาวบาร์นาร์ดเป็นดาวฤกษ์ดวงหนึ่งในประเภทของดาวแคระแดง นักดาราศาสตร์หลายคนคุ้นชื่อนี้กันดี

โดย...วรเชษฐ์ บุญปลอด

ดาวบาร์นาร์ดเป็นดาวฤกษ์ดวงหนึ่งในประเภทของดาวแคระแดง นักดาราศาสตร์หลายคนคุ้นชื่อนี้กันดี เนื่องจากเป็นดาวฤกษ์ที่อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดเป็นอันดับต้นๆ มีการเคลื่อนที่เปลี่ยนตำแหน่งไปบนท้องฟ้าเร็วที่สุด และได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในช่วงทศวรรษ 1960-1970 ซึ่งเป็นช่วงที่นักดาราศาสตร์พบหลักฐานบางอย่างจากการสังเกตการณ์ว่าอาจมีดาวเคราะห์เป็นบริวาร

ดาวบาร์นาร์ดมีตำแหน่งอยู่ค่อนไปทางด้านทิศเหนือของกลุ่มดาวคนแบกงู ซึ่งขณะนี้ดาวเสาร์ปรากฏอยู่ในกลุ่มดาวเดียวกัน มีความสว่างที่โชติมาตร 9.5 ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าได้
ตั้งชื่อตามนักดาราศาสตร์ชาวอเมริกัน เอ็ดเวิร์ดอีเมอร์สัน บาร์นาร์ด ซึ่งเป็นผู้ที่วัดตำแหน่งดาวจากภาพถ่ายแล้วพบว่าดาวดวงนี้เคลื่อนที่เปลี่ยนตำแหน่งด้วยอัตราสูงที่สุด

โดยปกติเราเรียกดาวฤกษ์ต่างๆ ที่เราเห็นบนท้องฟ้าว่าดาวประจำที่ (Fixed star) เนื่องจากไม่เคลื่อนที่ มองเห็นอยู่อย่างไรก็อยู่อย่างนั้น เราจึงสามารถกำหนดกลุ่มดาวต่างๆ ซึ่งมีรูปร่างไม่เปลี่ยนแปลงไปเลยแม้จะผ่านไปนานหลายร้อยปี แต่ในความเป็นจริงดาวฤกษ์ทุกดวงมีการเคลื่อนที่เปลี่ยนตำแหน่งไปอย่างเชื่องช้า ยิ่งอยู่ไกลก็ดูเหมือนหยุดนิ่ง ยิ่งอยู่ใกล้ก็มีโอกาสจะวัดได้ว่ามีการเคลื่อนที่เป็นมุมมากขึ้น โดยขึ้นอยู่กับอัตราการเคลื่อนที่จริงในอวกาศและทิศทางการเคลื่อนที่เมื่อเทียบกับดวงอาทิตย์

ดาวบาร์นาร์ดถูกค้นพบเมื่อ ค.ศ. 1916 ว่ามีการเคลื่อนที่เป็นมุมที่มีค่ามากถึง 10.3 พิลิปดา/ปี ซึ่งในช่วงชีวิตของคน ดาวบาร์นาร์ดจะเคลี่อนที่ไปเป็นมุมราว 1/4 องศา หรือประมาณครึ่งหนึ่ง
ของเส้นผ่านศูนย์กลางของดวงจันทร์เต็มดวงที่เราเห็นบนท้องฟ้า นักดาราศาสตร์พบว่าดาวบาร์นาร์ดเป็นดาวฤกษ์ที่มีการเคลื่อนที่เชิงมุมเร็วที่สุดเท่าที่เรารู้จัก เมื่อวัดการเลื่อนของสเปกตรัมพบว่าปัจจุบันกำลังเคลื่อนที่เข้าหาดวงอาทิตย์ด้วยความเร็วประมาณ 110 กิโลเมตร/วินาที อยู่ห่างดวงอาทิตย์ 6 ปีแสง

จากการเคลื่อนที่ในอวกาศที่วัดได้ นักดาราศาสตร์พบว่าดาวบาร์นาร์ดจะเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดราว ค.ศ. 11800 หรืออีกประมาณ 9,800 ปี โดยเข้าใกล้ที่สุดด้วยระยะห่าง 3.75 ปีแสง แม้ว่าความสว่างของดาวบาร์นาร์ดควรจะเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังไม่พอที่จะเห็นได้ด้วยตาเปล่า

การสังเกตสเปกตรัมของดาว นักดาราศาสตร์จัดดาวบาร์นาร์ดไว้ในกลุ่มของดาวแคระแดง ซึ่งเป็นดาวฤกษ์ที่มีมวลน้อย อุณหภูมิพื้นผิวต่ำ สว่างน้อย คาดว่ามีขนาดเพียงประมาณ 1/5 ของดวงอาทิตย์ จัดเป็นชนิดของดาวที่พบได้มากที่สุดในดาราจักร คาดว่าในทางช้างเผือกอาจมีมากถึง 3/4 ของดาวฤกษ์ทั้งหมด แต่การที่มีความสว่างน้อยจึงไม่มีดาวแคระแดงดวงใดที่สว่างพอจะเห็นได้ด้วยตาเปล่าจากโลก

ดาวมวลน้อยมีอัตราการหลอมนิวเคลียสในปฏิกิริยาเทอร์โมนิวเคลียร์ต่ำ จึงมีอายุยืนยาว ปัจจุบันดวงอาทิตย์มีอายุประมาณ 4,500 ล้านปี คาดว่าดาวบาร์นาร์ดมีอายุมากกว่าดวงอาทิตย์ อาจมากถึง 1 หมื่นล้านปี อยู่ในกลุ่มของดาวฤกษ์ที่มีอายุมากที่สุดในดาราจักรทางช้างเผือก

ช่วง ค.ศ. 1963-1973 ดาวบาร์นาร์ดได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษ เมื่อ ปีเตอร์ วาน เดอ แคมป์ นักดาราศาสตร์ชาวดัตช์ ซึ่งใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในสหรัฐอเมริกา เผยแพร่ผลการศึกษาดาวบาร์นาร์ดจากภาพถ่ายของหอดูดาว เขาประกาศว่าการวัดตำแหน่งดาวในเวลาต่างๆ แสดงว่าดาวบาร์นาร์ดมีการแกว่งเป็นคาบ ซึ่งคาดว่าเป็นผลสืบเนื่องจากการเคลื่อนที่ของดาวเคราะห์ขนาดใหญ่ที่มองไม่เห็น ทว่าการตรวจสอบโดยนักดาราศาสตร์คณะอื่นในเวลาต่อมาไม่สามารถยืนยันผลการสังเกตดังกล่าวได้ นอกจากนี้ ยังพบว่าผลการวัดน่าจะมีความผิดพลาด เพราะดาวมีแกว่งทุกครั้งที่มีการนำเลนส์ของกล้องโทรทรรศน์ในหอดูดาวออกมาทำความสะอาด ด้วยอุปกรณ์ที่พัฒนาขึ้นในปัจจุบัน ยังไม่พบดาวเคราะห์รอบดาวบาร์นาร์ดแต่อย่างใด

แม้ว่าจะยังไม่มีหลักฐานที่น่าเชื่อถือว่ามีดาวเคราะห์รอบดาวบาร์นาร์ด แต่แนวคิดที่ว่าดาวแคระแดงอาจมีดาวเคราะห์เป็นบริวารก็เป็นแนวคิดที่นักดาราศาสตร์ให้ความสนใจ ผลการศึกษาเมื่อไม่นานมานี้คาดว่าราวร้อยละ 6 ของดาวแคระแดงอาจมีดาวเคราะห์โคจรอยู่ในเขตอาศัยได้ซึ่งเป็นเขตที่ดาวเคราะห์มีระยะห่างจากดาวฤกษ์พอเหมาะที่น้ำในสถานะของเหลวสามารถดำรงอยู่บนพื้นผิว ดาวแคระแดงมีอยู่เป็นจำนวนมากในดาราจักรทางช้างเผือก นักดาราศาสตร์จึงหวังว่าเราอาจพบดาวเคราะห์ที่เหมาะกับสิ่งมีชีวิตแบบที่เรารู้จักโคจรอยู่รอบดาวแคระแดงเพื่อนบ้านสักดวงหนึ่งในอนาคต

ปรากฏการณ์ท้องฟ้า (5-12 มิ.ย.)

ท้องฟ้าเวลาหัวค่ำมีดาวเคราะห์ 3 ดวง ได้แก่ ดาวอังคาร ดาวพฤหัสบดี และดาวเสาร์ ดาวพฤหัสบดีอยู่สูงบนท้องฟ้าทิศตะวันตกในกลุ่มดาวสิงโตดาวอังคารและดาวเสาร์อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ โดยดาวอังคารอยู่ในกลุ่มดาวคันชั่ง ดาวเสาร์อยู่ต่ำกว่าในพื้นที่ของกลุ่มดาวคนแบกงู ซึ่งเวลาหัวค่ำจะอยู่ทางซ้ายมือของกลุ่มดาวแมงป่อง

ดาวพฤหัสบดีตกลับขอบฟ้าก่อนตั้งแต่เวลาประมาณเที่ยงคืนครึ่ง ดาวอังคารขึ้นไปอยู่สูงสุดบนท้องฟ้าทิศใต้ในเวลา 4 ทุ่มครึ่ง แล้วไปตกลับขอบฟ้าก่อนตี 4 ครึ่ง ส่วนดาวเสาร์ผ่านจุดสูงสุดบนท้องฟ้าทิศใต้ในเวลาเที่ยงคืน แล้วตกในเวลาตี 5 ครึ่ง

ท้องฟ้าเวลาเช้ามืดมีโอกาสมองเห็นดาวพุธอยู่ใกล้ขอบฟ้าทิศตะวันออก สัปดาห์นี้ดาวพุธออกจากกลุ่มดาวแกะเข้าสู่กลุ่มดาววัว ดาวพุธทำมุมห่างดวงอาทิตย์ที่สุดในวันที่ 5 มิ.ย.ด้วยมุม 24 องศา ช่วงนี้จึงมีโอกาสสังเกตเห็นดาวพุธได้ดีหากท้องฟ้าเปิด ปลายสัปดาห์ดาวพุธปรากฏอยู่ทางขวามือของกระจุกดาวลูกไก่เป็นมุมประมาณ 7 องศา หรือไม่เกินขนาดของกำปั้นเมื่อกำมือแล้วเหยียดแขนออกไปข้างหน้าให้สุด

หลังจันทร์ดับในวันที่ 5 มิ.ย.จะเข้าสู่ข้างขึ้น ดวงจันทร์เสี้ยวเริ่มปรากฏบนท้องฟ้าเวลาหัวค่ำตั้งแต่วันที่ 6 มิ.ย. หลังจากนั้น วันที่ 10 มิ.ย.ดวงจันทร์ผ่านใกล้ดาวหัวใจสิงห์ในกลุ่มดาวสิงโต ถัดไปอีกหนึ่งวัน คือในค่ำวันที่ 11 มิ.ย.ดวงจันทร์จะผ่านใกล้ดาวพฤหัสบดี โดยเข้าใกล้กันที่สุดเป็นมุม 3 องศา ก่อนดวงจันทร์ตก ตลอดสัปดาห์ ดวงจันทร์มีส่วนสว่างเพิ่มขึ้นทุกวัน สว่างครึ่งดวงในวันที่ 12 มิ.ย. 2559

ข่าวล่าสุด

ศาลชั้นต้น พิพากษาประหารชีวิต “เชษฐ์ปาดัง” เลขานายกปาดังเบซาร์