โลกที่ไม่มีมาเฟีย
โดย...ธเนศน์ นุ่นมัน
โดย...ธเนศน์ นุ่นมัน
มาริโอ พูโซ นิยามคำว่า “มาเฟีย” ในเดอะ ก็อดฟาเธอร์ นิยายชื่อดังของเขาไว้อย่างน่าสนใจและขยายรายละเอียดไว้ในนิยายเรื่องต่อๆ มาอีกว่า เดิมทีคำคำนี้หมายถึงสถานที่พักอาศัย จนกลายเป็นชื่อขององค์กรลับที่ถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อต่อกรกับผู้ที่เข้ามาปกครองพื้นที่แห่งหนึ่ง
คำคำนี้ค่อยๆ มีความหมายชัดเจนขึ้นบนแผ่นดินซิซิลี หรือซีชีเลีย 1 ใน 20 แคว้นที่มีเนื้อที่เป็นเกาะตั้งอยู่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนทางตอนใต้ของอิตาลี ดินแดนที่มีประวัติต่อเนื่องยาวนานและได้ชื่อว่าต้องคำสาป เป็นแผ่นดินที่ถูกทำร้ายอย่างโหดร้ายทารุณ ยิ่งกว่าผืนแผ่นดินใดในประวัติศาสตร์โลก พวกศาลศาสนาของนิกายคาทอลิกทรมานทั้งคนจนคนรวยอย่างเท่าเทียมกัน พวกบารอนเจ้าของที่ดิน บรรดารัชทายาทแห่งศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิก ใช้อำนาจเด็ดขาดเล่นงานทั้งคนเลี้ยงสัตว์และชาวไร่ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็เป็นเครื่องมือเครื่องไม้ที่ใช้ก่อกรรมกับคนซิซิลีที่สร้างบาดแผลที่ยากจะลืม
คนซิซิลีนั้นเกลียดตำรวจ กระทั่งเห็นตรงกันว่าใครที่ถูกเรียกว่า “ไอ้ตำรวจ” จะถือว่าเป็นคำสบประมาทอย่างรุนแรงที่สุดเท่าที่จะสรรหาคำมา
ด่ากัน
ทุกข์จากที่ถูกทางการหรือรัฐเอาเปรียบฝังอยู่ในสายเลือดจนเห็นว่าสังคมคือศัตรู และปฏิกิริยาที่ต้องมีต่อฝ่ายตรงข้ามก็คือ หุบปากเงียบ เก็บงำความรู้สึก ไม่แสดงความโกรธ ความกลัว และหนักเข้าก็ไม่แม้แต่ชักสีหน้าหรือมีคำพูดใดๆ เล็ดลอดออกมา กระทั่งเมื่อถูกขู่เข็ญบังคับทรมาน ก็ไม่ปริปากบอกคนของทางการในเรื่องที่ถูกซักถาม กรณีนี้ถูกพัฒนาขึ้นเป็นกฎที่เรียกว่า “โอเมอร์ตา” ในเวลาต่อมา
คนซิซิลีนั้นมองเห็นมาเฟียเป็นวีรบุรุษ เป็นพ่อพระมาโปรด เป็นโรบินฮู้ดที่ร้องขอยุติธรรมเถื่อนได้ จากการยกย่องเชิดชูธรรมดาเริ่มไม่เพียงพอ และถูกต่อยอดไปเป็นแต่ละคนยอมแบ่งปันรายได้ให้มาเฟียดูแลอย่างเต็มใจ แต่เมื่อกาลเวลาเปลี่ยนไป บทบาทมาเฟียที่ส่งผ่านกันในครอบครัวก็เริ่มผิดแผลง เพราะแรงสั่นคลอนจากกองธนบัตรที่ถมทับสูงขึ้น ยอมที่จะกลายเป็นเครื่องมือของคนรวย เพื่อให้องค์กรของตัวเองเติบโตขึ้น สุดท้ายก็ยอมกระทั่งกลายเป็นเครื่องมือของตำรวจ
เพื่อความอยู่รอด มาเฟียก้าวขาเหยียบข้ามยุคสมัยใหม่ไปด้วยการปรับตัวอย่างแนบเนียน ชะตากรรมของตัวละครในช่วงท้ายเรื่องของนิยายก็อดฟาเธอร์และเรื่องราวในโลกของมาเฟียในเล่มต่อๆ นำมาอธิบายได้ว่า มาเฟียได้ขยายตัวเข้าไปในทุกกลุ่ม แทรกซึมเข้าไปเป็นฝ่ายปกครอง กลายเป็นรัฐที่มีอำนาจออกกฎหมายเปลี่ยนธุรกิจใต้ดินมาอยู่บนดิน เปลี่ยนธุรกิจที่เคยมือเปื้อนเลือด เคยอยู่นอกกฎหมาย มาเป็นสิ่งถูกต้องโดยมีพวกเขาเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์เป็นสำคัญ เพื่อการนี้มาเฟียที่ปรับตัวเร็วและเห็นช่องทางผลประโยชน์บางครอบครัว ถึงกับยอมแหกกฎโอเมอร์ตาที่น่าเกรงขาม ขายข้อมูลให้รัฐใช้หาช่องเพื่อทำลายครอบครัวอื่นหวังยึดผลประโยชน์
เหล่ามาเฟียในนิยายเหมือนจะต้องคำสาปเช่นเดียวกับซิซิลีคือ ไม่เคยได้พบกับความสงบอย่างแท้จริง ซิซิลีเงียบสงบไร้ผู้คนพลุกพล่าน เพราะแต่ละตระกูลล้างแค้น ฆ่ากัน ไป-มา กันจนแทบไม่เหลือผู้ชายเดินให้เห็นตามถนน
วางนิยายทั้งหมดไว้ แล้วหันไปพลิกหามาเฟียในหน้าประวัติศาสตร์ ก็ได้ความว่าหลังสหราชอาณาจักรเข้ายึดครองซิซิลี ช่วงสงครามนโปเลียนตอนต้นศตวรรษที่ 19 ก็มีความพยายามที่จะปฏิรูปที่ดินให้ครอบครองกันอย่างยุติธรรม แต่ก็ล้มเหลว ผลพวงที่ได้รับคือ ส่งผลให้เกิดชนชั้นใหม่ขึ้นจากคนกลางที่ร่ำรวยและมีศักยภาพในการเข้าถึงรัฐ
ต่อมาเมื่อมีการปฏิวัติอิตาลี มีการรวมชาติอิตาลี รวบอำนาจบางส่วนเข้าสู่ศูนย์กลาง รัฐทำการยึดกรรมสิทธิ์ที่ดินจำนวนมาก หวังนำมาจัดสรรให้กับสาธารณชน คนซิซิลีมีโอกาสเป็นเจ้าของที่ดิน แต่จำนวนไม่น้อยก็ถูกจัดสรรเจ้าของเดิมและคนกลางที่มีอำนาจต่อรองกับรัฐ การปฏิรูปที่ดิน ยิ่งส่งเสริมให้มาเฟียเติบโต คนซิซิลีซึ่งได้รับอิทธิพลจากนักบวชคาทอลิกอย่างมากเลยเห็นรัฐเป็นฝ่ายตรงข้ามได้ง่ายๆ กล่าวได้ว่ารัฐบาลอิตาเลียนยุคนั้นเข้าถึงประชาชนชาวซิซิลีน้อยมาก
ปลายศตวรรษที่ 18 ชาวอิตาลีจำนวนมากอพยพไปอยู่ที่อเมริกาและแคนาดา มาเฟียจากซิซิลีถูกรัฐบาลเผด็จการของอิตาลีปราบอย่างหนัก บางส่วนถือโอกาสหนีตายไปอยู่ดินแดนใหม่จนถึงปัจจุบัน มีมาเฟียประมาณ 20 ครอบครัว ครอบครัวหลักๆ 5 ครอบครัวอยู่ในนิวยอร์ก ประกอบด้วย Genovese, Gambino, Bonanno, Lucchese และ Colombo ส่วนครอบครัวอื่นๆ จะกระจายอยู่ทั่วอเมริกา ส่วนมากจะอยู่ในแถบอีสต์โคสต์ ทั้งนิวยอร์กและชิคาโกจึงอุดมไปด้วยตำนานมาเฟียเวียนว่ายอยู่ในทั้งช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์และตกต่ำ
เมื่อพลิกดูระหว่างเรื่องราวของมาเฟียทั้งในโลกนิยายและหน้าประวัติศาสตร์แล้ว ก็แทบนึกไม่ออกเลยว่า “โลกที่ไม่มีมาเฟีย” จะมีหน้าตาอย่างไร


