อาถรรพ์เจ้าภาพโอลิมปิก ได้ไม่คุ้มค่า-ทิ้งปัญหาการคลัง
โดย...ชญานิศ ส่งเสริมสวัสดิ์
โดย...ชญานิศ ส่งเสริมสวัสดิ์
การเป็นเจ้าภาพ จัดกีฬาโอลิมปิกหรืออีเวนต์กีฬาใหญ่ๆ อย่างฟุตบอลโลก ไม่ได้นำมาซึ่งเกียรติเท่านั้น แต่ยังตามมาด้วยมูลค่าทางเศรษฐกิจมหาศาล จากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาชมกีฬาระหว่างงาน อย่างไรก็ตาม การเป็นเจ้าภาพกลับก่อให้เกิดภาระหนักทางการเงินของแต่ละประเทศ และกลับได้ผลเพียงระยะสั้นจากกระตุ้นโครงสร้างพื้นฐานเท่านั้น
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดที่สุด คงหนีไม่พ้นกรีซ ที่กำลังย่ำแย่จะล้มละลายอยู่หลายครั้งจนชาติยุโรปด้วยกันต้องยื่นมือเข้าช่วยเหลือและกลายเป็นเจ้าหนี้ให้กรีซกู้เงินไปใช้หมุนภายในชาติ โดยหลังพิธีปิดโอลิมปิก ณ กรุงเอเธนส์ ปี 2004 กรีซก็ประกาศว่า งบประมาณของกรีซขาดดุลไปถึง 6.1% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในชาติ (จีดีพี) มากกว่าครึ่งหนึ่งที่ยูโรโซนกำหนดไว้ ขณะที่หนี้สาธารณะก็พุ่งขึ้นไปถึง 110.6% ของจีดีพี มากที่สุดในสหภาพยุโรป (อียู)
ผลจากการใช้จ่ายเกินตัวยังคงส่งผลต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน เมื่อกรีซไม่สามารถหาเงินมาใช้คืนแก่บรรดาเจ้าหนี้ทั้งประเทศเพื่อนยุโรปและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ได้ ขณะที่หนี้สาธารณะก็พุ่งทะลุ 165% ต่อจีดีพี จนต้องเจรจาขอเงินช่วยเหลือรอบใหม่เพื่อเอามาชำระหนี้เดิมให้แก่เจ้าหนี้นานาชาติและผู้ถือพันธบัตรรัฐบาลกรีซ
จากการศึกษาของโรเบิร์ด บาด นักเศรษฐศาสตร์จากเลค ฟอเรสต์ คอลเลจ และวิกเตอร์มาเดอซัน ศาสตราจารย์จากคอลเลจ ออฟ เดอะ โฮลี ครอส ในสหรัฐ พบว่า การจัดโอลิมปิกใช้งบประมาณมหาศาลนอกเหนือไปจากค่าประมูลเพื่อเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน
คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) กำหนดให้เจ้าภาพต้องลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งการคมนาคม ซึ่งต้องทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางได้ด้วยตนเองทั่วในและนอกเมือง โดยแม้การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานดังกล่าวจะได้ผลดีในระยะยาว ทว่า ไอโอซียังกำหนดให้เจ้าภาพต้องลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทางกีฬาด้วย เช่น ยกระดับสนามกีฬาให้ได้มาตรฐานตามไอโอซีหรือสร้างสนามกีฬาใหม่
หลังจากการแข่งขันสิ้นสุดลง โครงสร้างพื้นฐานด้านการกีฬาหลายอย่างโดนทิ้งร้างพร้อมงบประมาณมหาศาลที่เคยลงทุนไป เช่น สนามกีฬาในกรุงปักกิ่ง ซึ่งมีค่าใช้จ่ายในการก่อสร้าง 2,315 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 8.2 หมื่นล้านบาท) จากงบประมาณทั้งหมด 4.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 1.6 ล้านล้านบาท)
นอกเหนือไปจากค่าใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานแล้ว เจ้าภาพยังต้องแบกรับค่าใช้จ่ายด้านการดำเนินการและการจัดการ เช่น ค่าจัดพิธีเปิดและพิธีปิดที่กินงบประมาณไม่น้อย อาทิ พิธีเปิดโอลิมปิกที่กรุงลอนใช้ค่าใช้จ่ายทั้งหมด 27 ล้านปอนด์ (ราว 1387 ล้านบาท) จากงบประมาณทั้งหมด 80 ล้านปอนด์ (ราว 4,112 ล้านบาท)
แต่การจะได้ใบอนุญาตการถ่ายทอดสดกีฬาโอลิมปิกนั้นบาดและมาเดอซัน พบว่า ต้องใช้ค่าใช้จ่ายมากถึงครึ่งหนึ่งของรายได้ของสถานีโทรทัศน์เลยทีเดียวในการซื้อใบอนุญาต
ดังนั้น เมื่อบวกกับค่าใช้จ่ายสำหรับถ่ายทอดสดแล้ว อาจทำให้สถานีโทรทัศน์แทบไม่ได้อะไรกลับมาเลย ขณะที่ค่าสปอนเซอร์ต่างๆ ที่สนับสนุนการแข่งขัน ต้องแบ่งกันระหว่างไอโอซีและเจ้าภาพ แม้ค่าตั๋วและค่าเข้าชมจะตกเป็นของเมืองที่จัดเต็มเม็ดเต็มหน่วย
แม้การใช้จ่ายของรัฐบาลในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานจะดีกับเศรษฐกิจ แต่การแข่งขันก็สร้างภาระให้แก่งบประมาณของประเทศ โดยซีบีซี นิวส์ ในแคนาดา ระบุว่า แคนาดาใช้เวลาทั้งหมด 30 ปี ในการจ่ายหนี้จากการสร้างสเตเดี้ยมมอนทรีลออล เพื่อจัดโอลิมปิกปี 1976 ขณะที่อังกฤษใช้งบประมาณทั้งหมด 1.1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 3.92 แสนล้านบาท) ในการจัดโอลิมปิกปี 2012 ท่ามกลางประเทศที่ต้องการฟื้นตัวจากพิษเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม อังกฤษและทั่วประเทศยุโรปต่างต้องใช้มาตรการรัดเข็มขัดทางการเงินเพื่อช่วยเหลือเศรษฐกิจที่กำลังแย่ และนักเศรษฐศาสตร์บางคนตั้งให้เป็นหนึ่งในประเทศที่มีปัญหาหนี้สินรวมกันโปรตุเกส อิตาลี กรีซ และสเปน ในปี 2012 มาแล้ว
อังกฤษหวังว่าการเป็นเจ้าภาพจัดโอลิมปิกเพื่อจะทำให้ประเทศกลับมาดีได้อีกครั้ง ด้วยการดึงให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวในช่วงการจัดแข่งโอลิมปิก และได้ผลเมื่อยอดนักท่องเที่ยวนับตั้งแต่ช่วงโอลิมปิกเข้าไปเที่ยวอังกฤษและใช้จ่ายทำลายสถิติ อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากแจ็กทราเวล ระบุว่า ยอดจองโรงแรมในเดือน ก.ค.และ ส.ค.ที่จัดโอลิมปิกร่วงลง 35% และ 30% ตามลำดับ ขณะที่หลังจากจบงานไปแล้วยอดจองโรงแรมก็ยังร่วง 15-20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2011 ที่ไม่มีการจัดโอลิมปิก
เช่นเดียวกับออสเตรเลีย ซึ่งเป็นเจ้าภาพจัดโอลิมปิกที่ซิดนีย์ในปี 2000 ยอดนักท่องเที่ยวขณะเปิดการแข่งขันนั้นพุ่งถึง 16% แต่กลับลดลงเรื่อยๆ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
นอกจากนี้ ไอโอซียังกำหนดให้เมืองที่จัดโอลิมปิกจะต้องมีโรงแรมมากเพียงพอรองรับนักกีฬาและนักท่องเที่ยว โดยรายล่าสุดอย่างบราซิลเจ้าภาพโอลิมปิก 2016 ที่เมืองริโอ เดอ จาเนโร ต้องเพิ่มจำนวนโรงแรมขึ้นมา 1.5 หมื่นห้อง เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดของไอโอซีที่ต้องมีโรงแรมรองรับขั้นต่ำ 4 หมื่นห้อง เมื่อเทียบกับข้อมูลของกระทรวงการท่องเที่ยวบราซิล ประเมินว่า นักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวริโอ เดอ จาเนโร ปีละ 9.77 แสนคน หรือคิดเฉลี่ยวันละราว 2,713 คน
ผลกระทบต่อเศรษฐกิจยังเกิดขึ้นในระยะยาวไม่เว้นแม้แต่ประเทศที่งบประมาณมหาศาลอย่างจีน โดยจากการคำนวณของเจพี มอร์แกน วาณิชธนกิจสหรัฐ พบว่าในปี 2007 การสร้างสเตเดี้ยม ใช้เหล็กทั้งหมดมากกว่า 4.1 หมื่นตัน และโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ เช่น ทางรถไฟเชื่อมสนามบิน ทำให้ความต้องการเหล็กของจีนเพิ่มขึ้น 13% ในปี 2008 และ 12% ในปี 2009 มากกว่าศักยภาพการผลิตที่ขยายตัว 7% ในปี 2008 และ 5% ในปี 2009
ดีมานด์ที่เพิ่มขึ้นในช่วงโอลิมปิก ส่งผลทำให้ราคาเหล็กปรับตัวเพิ่มขึ้นไปด้วย แต่เมื่อสิ้นสุดช่วงโอลิมปิกแล้ว การผลิตเกินศักยภาพของจีนกลับขยายตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนราคาเหล็กร่วงมา ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของจีนจนรัฐบาลต้องลดปริมาณการผลิตเหล็ก และยังส่งผลกระทบไปทั่วโลกลามไปถึงความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างจีนและนานาชาติในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม การจัดโอลิมปิกไม่ได้เป็นแค่การกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเดียวเท่านั้น เช่น การจัดงานโอลิมปิกของจีนเป็นการจัดงานเพื่อแสดงความยิ่งใหญ่และอำนาจในด้านงบประมาณและความร่ำรวยของประเทศ ขณะที่อังกฤษต้องการยกระดับบางส่วนที่ย่ำแย่ของกรุงลอนดอน ซึ่งมักจะถูกบอกปัดงบประมาณในช่วงเวลาปกติ
“ข่าวร้าย” ด้านเศรษฐกิจที่ตามมาหลังการแข่งขันจบลงทำให้ความนิยมในการเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกเริ่มลดลงตามลงไปด้วย โดยไอโอซีต้องยกให้จีนเป็นผู้จัดโอลิมปิกฤดูหนาวในปี 2022 หลังจากที่บรรดาประเทศผู้ประมูลต่างถอนตัวออกไปจนเกือบหมด ทว่า การจัดโอลิมปิกฤดูหนาวคงทำให้สนามกีฬาในกรุงปักกิ่งกลับมาคึกคักได้อีกครั้ง หลังแทบไม่ได้ใช้งานยาวนานตั้งแต่ปี 2008


