ฤดูกาลบนดาวอังคาร
โดยทั่วไป โลกของเรามีฤดูกาลแบ่งออกเป็น 4 ฤดู ได้แก่ ฤดูไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว
โดย...วรเชษฐ์ บุญปลอด
โดยทั่วไป โลกของเรามีฤดูกาลแบ่งออกเป็น 4 ฤดู ได้แก่ ฤดูไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว ถึงแม้บนดาวอังคารจะไม่มีต้นไม้ แต่ก็แบ่งฤดูกาลโดยมีชื่อเรียกแบบเดียวกับโลก เนื่องจากแกนหมุนของดาวอังคารก็ทำมุมเอียงกับระนาบวงโคจรคล้ายโลก
แกนหมุนของโลกทำมุมเอียงกับแนวตั้งฉากกับระนาบวงโคจรรอบดวงอาทิตย์ด้วยมุมประมาณ 23.5 องศา ปัจจุบันขั้วเหนือของโลกชี้ไปในทิศทางของกลุ่มดาวหมีเล็ก ใกล้ดาวดวงหนึ่ง ตั้งชื่อว่าโพลาริส หรือดาวเหนือ ซึ่งแท้จริงไม่ใช่ดาวที่สว่างมากนัก แต่ก็สว่างพอจะเห็นได้ด้วยตาเปล่า
แกนหมุนของดาวอังคารก็ทำมุมกับแนวตั้งฉากกับระนาบวงโคจรด้วยมุมประมาณ 25.2 องศา โดยแกนด้านทิศเหนือชี้ไปที่บริเวณกลุ่มดาวหงส์ ซึ่งกลุ่มดาวนี้มีดาวสว่างดวงหนึ่งชื่อเดเนบ (Deneb) ไทยเรียกว่าดาวหางหงส์ หากเราไปยืนอยู่บนซีกเหนือของดาวอังคาร ก็สามารถใช้ดาวดวงนี้เป็นดาวนำทางเพื่อหาทิศเหนือ
ฤดูกาลบนดาวอังคารแบ่งได้แบบเดียวกับโลก แต่วงโคจรของดาวอังคารมีความรีค่อนข้างสูง ขณะอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุด อยู่ห่างดวงอาทิตย์ 207ล้านกิโลเมตร แต่เมื่อถึงจุดไกลดวงอาทิตย์ที่สุด อยู่ห่างดวงอาทิตย์ 249 ล้านกิโลเมตร จุดใกล้และไกลจากดวงอาทิตย์ที่สุดจึงแตกต่างกันมากถึง 42 ล้านกิโลเมตร หากเทียบกับของโลก พบว่าระยะห่างของโลกจากดวงอาทิตย์ขณะใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดในต้นเดือน ม.ค. แตกต่างจากระยะห่างขณะไกลดวงอาทิตย์ที่สุดในต้นเดือน ก.ค.เพียง 5 ล้านกิโลเมตร ระยะห่างจากดวงอาทิตย์ที่แตกต่างกันในรอบปีจึงแทบไม่มีผลต่อฤดูกาลบนโลก
นอกจากแกนหมุนที่เอียงแล้ว ระยะห่างที่แตกต่างกันมาก ณ ตำแหน่งต่างๆ บนวงโคจรของดาวอังคาร มีส่วนทำให้อุณหภูมิพื้นผิวในแต่ละฤดูเปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างมาก ปริมาณแสงอาทิตย์ที่ตกกระทบบนผิวดาวอังคารเป็นปัจจัยหลักที่กำหนดอุณหภูมิพื้นผิว หากแกนหมุนทำมุมตั้งฉากกับระนาบวงโคจร บริเวณเส้นศูนย์สูตรควรจะมีอุณหภูมิสูงที่สุด แล้วลดลงไปตามละติจูดที่สูงขึ้น แต่แกนหมุนที่เอียง 25 องศา ทำให้แสงอาทิตย์ตกตั้งฉากกับพื้นผิวในละติจูดต่างกันตลอดทั้งปี ขั้วเหนือดาวอังคารจึงหันเข้าหาดวงอาทิตย์นานครึ่งปี และอยู่ในความมืดไปอีกครึ่งปี เช่นเดียวกับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นบนโลก
นักดาราศาสตร์สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลบนดาวอังคารมานานหลายร้อยปีแล้ว โดยสังเกตได้จากขนาดของพื้นที่ที่เป็นน้ำแข็งบริเวณขั้วทั้งสองของดาวอังคาร
ดาวอังคารอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์มากกว่าโลก จึงเคลื่อนที่ช้ากว่า ระยะเวลาหนึ่งปีบนดาวอังคารยาวนานประมาณ 687 วันของโลก หรือประมาณ 23 เดือน วงโคจรของโลกมีความรีน้อย แต่ละฤดูจึงยาวนานใกล้เคียงกัน ดาวอังคารซึ่งวงโคจรมีความรีมากกว่า เคลื่อนที่ด้วยอัตราเร็วที่แตกต่างกันในแต่ละตำแหน่งบนวงโคจร ทำให้แต่ละฤดูมีระยะเวลาต่างกัน
ฤดูใบไม้ผลิในซีกโลกเหนือยาวนานประมาณ 93 วัน ฤดูร้อนยาวนานประมาณ 93 วัน ฤดูใบไม้ร่วงยาวนานประมาณ 90 วัน และฤดูหนาวยาวนานประมาณ 89 วัน ส่วนฤดูใบไม้ผลิในซีกเหนือของดาวอังคารยาวนานประมาณ 199 วันของโลก ฤดูร้อนยาวนานประมาณ 182 วัน ฤดูใบไม้ร่วงยาวนานประมาณ 146 วัน และฤดูหนาวยาวนานประมาณ 160 วัน
ความแตกต่างของอุณหภูมิในส่วนต่างๆ ส่งผลต่อกระแสลมบนดาวอังคาร สามารถทำให้เกิดพายุฝุ่น ซึ่งมักพบได้บ่อยที่สุดขณะดาวอังคารอยู่บริเวณจุดใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุด มีทั้งในระดับท้องถิ่นที่เกิดบริเวณแคบๆ สลายไปในเวลาอันสั้น และแบบที่เกิดในระดับที่ใหญ่กว่า ซึ่งทำให้เราสามารถเห็นฝุ่นปกคลุมไปทั่วดาวอังคารได้เกือบทั้งดวง
เวลานี้ดาวอังคารกำลังอยู่ในช่วงที่ใกล้โลกที่สุด มีตำแหน่งอยู่ตรงข้ามกับดวงอาทิตย์ในวันที่ 22 พ.ค. และใกล้โลกที่สุดในวันที่ 31 พ.ค. ที่ระยะห่าง 75 ล้านกิโลเมตร ซึ่งใกล้ที่สุดนับตั้งแต่ พ.ศ. 2548 เราจึงเห็นดาวอังคารสว่างเป็นพิเศษ สมาคมดาราศาสตร์ไทยจัดกิจกรรมดูดาวอังคารในวันอาทิตย์ที่ 22 พ.ค. 2559 บริเวณข้างสนามฟุตซอล ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา ตั้งแต่เวลา 18.00-21.00 น. นอกจากนี้ สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติก็จัดกิจกรรมดูดาวอังคารในวันเดียวกันใน 4 แห่ง ได้แก่ บริเวณลานพาร์คพารากอน ศูนย์การค้าสยามพารากอน หอดูดาวสิรินธร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา นครราชสีมา และหอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา ฉะเชิงเทรา
ปรากฏการณ์ท้องฟ้า (22-29 พ.ค.)
ดาวอังคาร ดาวพฤหัสบดี และดาวเสาร์ เป็นดาวเคราะห์ 3 ดวง ที่เห็นได้บนท้องฟ้าเวลาหัวค่ำ ดาวพฤหัสบดีอยู่ในกลุ่มดาวสิงโต เริ่มเห็นขณะอยู่สูงใกล้จุดเหนือศีรษะในเวลาพลบค่ำ หลังจากนั้นเคลื่อนต่ำลง ตกลับขอบฟ้าในเวลาประมาณตี 1
ดาวอังคารอยู่บริเวณส่วนหัวของกลุ่มดาวแมงป่อง สว่างพอๆ กับดาวพฤหัสบดี ดาวอังคารจะผ่านตำแหน่งตรงข้ามกับดวงอาทิตย์ในวันที่ 22 พ.ค. จึงขึ้นเหนือขอบฟ้าทิศตะวันออกขณะที่ดวงอาทิตย์ตกทางทิศตะวันตก มองเห็นเป็นดาวสว่างอยู่ทางทิศตะวันออก เยื้องไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ จากนั้นเคลื่อนสูงขึ้นจนผ่านจุดสูงสุดบนท้องฟ้าทิศใต้ในช่วงเที่ยงคืน แล้วไปตกลับขอบฟ้าเมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น ปลายสัปดาห์ย้ายเข้าสู่กลุ่มดาวคันชั่ง
ดาวเสาร์มีความสว่างน้อยกว่าดาวอังคารหลายเท่า อยู่ห่างไปทางทิศตะวันออกของดาวอังคารไม่ไกลนัก โดยอยู่ในพื้นที่ของกลุ่มดาวคนแบกงู ซึ่งส่วนหนึ่งของกลุ่มดาวนี้คั่นอยู่ระหว่างกลุ่มดาวแมงป่องกับคนยิงธนู ตามการแบ่งกลุ่มดาวสากล
ดวงจันทร์สว่างเต็มดวงในวันที่ 22 พ.ค. หลังจากนั้นเข้าสู่ข้างแรม คืนวันที่ 22 พ.ค. และเช้ามืดวันที่ 23 พ.ค. จะเห็นดวงจันทร์อยู่ใกล้ดาวเสาร์ ใกล้กันที่สุดในเช้ามืดวันที่ 23 พ.ค. ที่ระยะห่าง 3 องศา ส่วนสว่างของดวงจันทร์ลดลงทุกวัน จากเต็มดวงในวันที่ 22 พ.ค. เหลือครึ่งดวงในวันที่ 29 พ.ค.
สถานีอวกาศนานาชาติสามารถปรากฏให้เห็นได้ด้วยตาเปล่าเป็นดาวสว่างเคลื่อนที่บนท้องฟ้า สัปดาห์นี้สถานีอวกาศจะผ่านเหนือประเทศไทยให้เห็นได้หลายครั้ง ครั้งที่น่าสนใจเกิดขึ้นในเวลาหัวค่ำของวันที่ 26-27 พ.ค. 2559
วันพฤหัสบดีที่ 26 พ.ค. กรุงเทพฯ และบริเวณใกล้เคียงเริ่มเห็นสถานีอวกาศขึ้นมาเหนือขอบฟ้าทิศตะวันตกเฉียงใต้ เวลา 20.02 น. จากนั้นเคลื่อนสูงขึ้นไปทางขวา ถึงจุดสูงสุดทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือที่มุมเงย 46 องศา ในเวลา 20.05 น. แล้วไปสิ้นสุดใกล้ขอบฟ้าทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เวลา 20.08 น.
วันศุกร์ที่ 27 พ.ค. ขณะท้องฟ้ายังไม่มืดดีนัก สถานีอวกาศขึ้นมาเหนือขอบฟ้าทิศตะวันตกเฉียงใต้ เวลา 19.09 น. จากนั้นเคลื่อนสูงขึ้นไปทางซ้าย ถึงจุดสูงสุดทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ที่มุมเงย 55 องศา ในเวลา 19.13 น. แล้วไปสิ้นสุดใกล้ขอบฟ้าทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เวลา 19.16 น.


