posttoday

"เกรียงศักดิ์"ส่องผู้ว่าฯกทม. แบบไหนเหมาะคนกรุง

21 พฤษภาคม 2559

“สิ่งที่พอใจสูงสุดไม่ใช่ตำแหน่งข้าราชการที่ได้รับ แต่เป็นการได้มีโอกาสทำงานใกล้ชิดกับผู้ว่าฯ กทม. ทุกคน ตั้งแต่ คนแรก (ชำนาญ ยุวบูรณ์) ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นการปกครองท้องถิ่นลักษณะพิเศษ มาจนถึงผู้ว่าฯ กทม.คนปัจจุบัน”

โดย...นิติพันธุ์ สุขอรุณ

“สิ่งที่พอใจสูงสุดไม่ใช่ตำแหน่งข้าราชการที่ได้รับ แต่เป็นการได้มีโอกาสทำงานใกล้ชิดกับผู้ว่าฯ กทม. ทุกคน ตั้งแต่ คนแรก (ชำนาญ ยุวบูรณ์) ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นการปกครองท้องถิ่นลักษณะพิเศษ มาจนถึงผู้ว่าฯ กทม.คนปัจจุบัน”

คำกล่าวของ ร.ต.ต.เกรียงศักดิ์ โลหะชาละ ประธานสภากรุงเทพมหานคร (กทม.) ผู้ผ่านร้อนผ่านหนาวในเส้นทางงานบริหารราชการกรุงเทพฯ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและได้เห็นถึงข้อดี ข้อด้อยของผู้ที่เข้ามานั่งตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.ทุกคน ไม่ว่าจะมาจากการแต่งตั้งหรือเลือกตั้ง

ร.ต.ต.เกรียงศักดิ์ เล่าว่า การทำงานของผู้ว่าฯ แต่ละคนแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็น พล.ต.จำลอง ศรีเมือง, ร.อ.กฤษฎา อรุณวงษ์ ณ อยุธยา, พิจิตต รัตตกุล, สมัคร สุนทรเวช, อภิรักษ์ โกษะโยธิน รวมถึง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร แต่ละท่านมีข้อดีแตกต่างกัน จึงทำให้รู้ว่ารูปแบบบริหารงานของบางท่านเหมาะกับคนกรุงเทพฯ ส่วนบางคนมีปัญหาตรงนี้มากไป ตรงนั้นน้อยไป ข้อมูลส่วนตัวเหล่านี้จะถูกเก็บไว้ในใจตลอดมา หยิบเอาส่วนดีมาใช้เป็นแบบอย่างในการทำงานเท่านั้น

ทว่าต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ว่าฯ แต่ละท่านหากจะเปรียบเทียบการทำงาน เพราะสถานการณ์ที่ผู้ว่าฯ ต้องเผชิญแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เนื่องจากเมืองหลวงมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นหลายด้าน ทั้งปัญหาการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม โดยเฉพาะการเมืองถือว่าส่งผลกระทบต่อการบริหาร กทม. 100%

“การเลือกตั้งผู้ว่าฯ จะได้พรรคการเมืองฝั่งตรงข้ามพรรคจัดตั้งรัฐบาลเสมอ สูตรเป็นอย่างนี้ตลอด จุดประสงค์เพื่อคานอำนาจกันไว้ ถือเป็นระบบที่ดี แต่การเมืองประเทศไทยเล่นแง่แบ่งพรรคแบ่งพวก พยายามขัดขวางไม่ให้ความร่วมมือ ทั้งๆ ที่เรื่องสำคัญคือช่วยเหลือประชาชนกลับทำให้เดินต่อไม่ได้ หลายเรื่องที่แก้ปัญหาได้ในช่วงที่ไม่มีนักการเมืองบริหาร เช่น การจัดระเบียบหาบเร่แผงลอย หรือจัดระเบียบชุมชนรุกล้ำริมลำคลอง เพราะก่อนหน้านี้จะทำไม่ได้เนื่องจากนักการเมืองในพื้นที่กลัวเสียฐานเสียง” ร.ต.ต.เกรียงศักดิ์ กล่าวเน้นเสียง

เรื่องถัดมาคือการไม่สามารถรวมศูนย์บริหารจัดการแก้ไขปัญหาได้ในคนเดียว อำนาจไม่ได้อยู่ที่ผู้ว่าฯ ตัดสินใจได้ทุกเรื่อง สุดท้ายต้องมาบอกว่าไม่ใช่หน้าที่ของ กทม. ส่วนตัวเห็นว่า ผู้ว่าฯ จะตอบแบบนี้ไม่ได้ ถ้าตราบใดฝนตก น้ำท่วม ไฟดับ เกิดขึ้นในเขตกรุงเทพฯ นั่นคือเรื่องที่ผู้ว่าฯ ต้องรับผิดชอบ หากไม่ใช่หน้าที่ก็ต้องประสานงานให้ได้ ไม่ใช่ไปบอกให้ชาวบ้านประสานขอความช่วยเหลือเอาเอง

“ฉะนั้นคนเป็นผู้ว่าฯ กทม.ไม่ต้องเก่งมากขอให้เป็นผู้ประสานงานที่ดี สามารถเดินไปคุยกับนายกรัฐมนตรี คุยกับทุกคนที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่กรุงเทพฯ ได้ เพราะความสำเร็จจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยต่อให้ผู้ว่าฯ เป็นเทวดา จบการศึกษาสูงก็ช่วยประชาชนไม่ได้ ถ้าทำหน้าที่ประสานขอความร่วมมือกับใครไม่ได้เลย” ประธานสภา กทม. กล่าว

ด้านปัญหาสิ่งแวดล้อมจากเดิมประชากรในเมืองมีเพียงประมาณ 3 ล้านคน ทุกวันนี้เพิ่มขึ้นเป็น 10 ล้านคน แต่พื้นที่อยู่อาศัยเท่าเดิมแน่นอนว่าจะต้องเกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และจากจำนวนประชากรแฝงเกินกว่า 10 ล้านคนในกรุงเทพฯ กทม.จึงต้องรับภาระดูแลคนทั้งหมดให้ได้ ผลที่ตามมาคือระบบคมนาคม ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของเศรษฐกิจได้รับผลกระทบ เพราะเมื่อมีประชากรจำนวนมาก ปัญหาก็มากขึ้นตามไปด้วย จำนวนรถยนต์ส่วนบุคคลเพิ่มทวีคูณ ขณะเดียวกันถนนไม่สามารถขยายเพิ่มได้อีกแล้ว เพราะการเตรียมวางผังเมืองไม่ได้เตรียมการล่วงหน้าไว้อย่างน้อย 10 ปี ปัจจัยทั้งหมดก่อให้เกิดความแออัด ถ้าจะแก้ปัญหาเมืองแออัดต้องกระจายอำนาจไปที่อื่นไม่ใช่รวมอยู่ที่กรุงเทพฯ เพียงแห่งเดียว

ร.ต.ต.เกรียงศักดิ์ กล่าวอีกว่า สิ่งที่อยากเตือนผู้ว่าฯ คือการพิจารณาใช้งบประมาณในปี 2560 ในโครงการต่างๆ จะต้องไม่เป็นโครงการที่มีความผูกพันต่อเนื่องในปีงบประมาณอื่นๆ เพื่อให้เกิดความเหมาะสมในการใช้จ่ายงบประมาณมากที่สุด แต่หากโครงการใดจำเป็นต้องจัดสรรงบแบบผูกพันกับงบประมาณปีต่อไป จะต้องชี้แจงรายละเอียดของโครงการและความเหมาะสมให้กระจ่าง เพราะที่ผ่านมาการจัดสรรงบประมาณ กทม.ได้รับกระแสวิพากษ์วิจารณ์ โดยเฉพาะโครงการต่อเนื่อง อาจส่งผลให้เกิดปัญหาการฟ้องร้องดำเนินคดีจากบริษัทผู้ได้สัญญาสร้างความเสียหายต่อหน่วยงานรัฐ

ร.ต.ต.เกรียงศักดิ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ดังนั้นคุณสมบัติของคนเป็นผู้ว่าฯ ต้องประกอบด้วยหลัก 3 ข้อ คือ 1.มีอำนาจ 2.ประชาชนศรัทธา และ 3.บารมี ถ้ามีองค์ประกอบเหล่านี้รับรองว่าทำงานได้สบาย เพราะผู้ว่าฯ คนยุคก่อนมีคุณสมบัติเช่นนี้หลายคน


 

ข่าวล่าสุด

รองนายกฯ “เอกนิติ” มอบรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่น ประจำปี 2568