โรงเรียนกลางขุนเขา จากพื้นที่สู้รบสู่ชุมชน "สันติสุข"
ในความขาดไร้โอกาสบางด้าน กลับหนุนเสริมให้ก่อเกิดโอกาสเพื่อสร้างสรรค์ในอีกบางด้านขึ้นมาทดแทน
โดย...อักษรา ปิ่นนราสกุล
อาจเหมือนด้อยโอกาส แต่ในความขาดไร้โอกาสบางด้าน กลับหนุนเสริมให้ก่อเกิดโอกาสเพื่อสร้างสรรค์ในอีกบางด้านขึ้นมาทดแทน เช่นเด็กๆ กว่า 300 คน แห่งโรงเรียนบ้านสันติสุข ต.ขุนควร อ.ปง จ.พะเยา ซึ่งไม่มีไฟฟ้าใช้ อุปกรณ์การเรียนการสอนบางอย่าง เช่นคอมพิวเตอร์เพื่อการค้นคว้าเรียนรู้เฉกเช่นเด็กๆ ทั่วไปในเมืองก็ต้องเปิดเป็นบางเวลา เสมือนโอกาสแห่งการเรียนรู้ของพวกเขาด้อยกว่าคนอื่นๆ แต่ธรรมชาติก็มอบโอกาสแห่งการสร้างสรรค์ในด้านอื่นๆ แก่พวกเขา
“เด็กนักเรียนของโรงเรียนบ้านสันติสุขก็แสดงความสามารถที่มีศักยภาพของตัวเอง ทำให้โรงเรียนและตัวนักเรียนได้รับรางวัลดีเด่นทั้งระดับเขต ระดับอำเภอ ระดับจังหวัด มากมาย โดยเฉพาะด้านงานฝีมือ การกีฬา เป็นต้น เด็กๆ ที่นี่มีโอกาสดีกว่าหลายพื้นที่ คืออยู่ในท่ามกลางธรรมชาติและขุนเขา แม้ว่าอาจจะไม่พบแสงสีดังเด็กในเมือง แต่ความบริสุทธิ์ของธรรมชาติทำให้พวกเขามีความสุขที่เป็นแบบอย่างที่ต้องการทรัพยากรที่ใช้อย่างรู้คุณค่า ทั้งดิน ป่าไม้ สายน้ำ” สงกรานต์ บุญมี ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านสันติสุข บอกถึงความสามารถที่นักเรียนซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธ์ุ “ม้ง” ของเขาได้สร้างชื่อเสียงให้โรงเรียน กวาดรางวัลต่างๆ มาแล้วนักต่อนัก
รอบๆ ห้องรับรองของโรงเรียน จึงมีวุฒิบัตร ประกาศนียบัตร ถ้วยรางวัลต่างๆ มากมายเต็มห้องจนละลานตา
เมื่อกว่า 30 ปีก่อน พื้นที่แห่งนี้เคยเป็นพื้นที่เคลื่อนไหวของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ต่อมากองทัพภาคที่ 3 ได้เข้ายึดพื้นที่ จากนั้นได้ก่อตั้งหมู่บ้านฉลองกรุงและหมู่บ้านสันติสุข
เพื่อให้เกิดความมั่นคงในพื้นที่ของดอยผาจิและผาวัว เพื่อมุ่งหวังให้ชาวเขาเผ่าม้งทั้งสองหมู่บ้านเกิดความสำนึกในความเป็นไทยร่วมพัฒนาชาติไทย จึงมีการอพยพราษฎรออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกอพยพจากหมู่บ้านฉลองกรุงลงมาเหนือหมู่บ้านผาตั้ง ชื่อว่าหมู่บ้านขุนกำลัง กลุ่มที่ 2 อพยพราษฎรจากหมู่บ้านที่อยู่บนดอยผาจิไปอยู่ที่บริเวณน้ำสาว ชื่อว่า หมู่บ้านสันติสุข คือบริเวณที่ตั้งโรงเรียนในปัจจุบัน
ก่อนหน้านั้นหมู่บ้านแห่งนี้และโรงเรียนยังเป็นพื้นที่ซึ่งเขตไฟฟ้าเข้าไม่ถึง ทำให้หน่วยงานภายนอกหลายแห่งได้ให้การสนับสนุนเครื่องกำเนิดกระแสไฟฟ้า
“เมื่อใช้กระแสไฟฟ้าจากเครื่องปั่น ทำให้ต้องเปิดปิดไฟฟ้าเป็นเวลา ไม่สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าได้ตลอดวัน สื่อ อุปกรณ์การเรียนการสอนที่เป็นเทคโนโลยีสารสนเทศนักเรียนก็ไม่สามารถใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงทำให้การเรียนการสอนขาดโอกาส ทั้งในเรื่องของการค้นคว้าข้อมูลข่าวสาร ขาดโอกาสในการแข่งขันกับนักเรียนที่อื่น ขณะที่ชาวบ้านก็ขาดโอกาสในการที่จะพัฒนาเศรษฐกิจให้ดีขึ้น เนื่องจากไม่สามารถรับรู้ข้อมูลข่าวสารได้” สงกรานต์เล่าถึงวิถีของชาวบ้านและนักเรียนก่อนที่จะมีไฟฟ้าใช้ตลอด 24 ชั่วโมง
หลังจากที่ผู้นำ ประชาชน และนักเรียนในหมู่บ้านร่วมกัน เรียกร้องขอความช่วยเหลือจากภาครัฐหลายครั้ง เรื่องการขยายเขตไฟฟ้า จนกระทั่งปี 2558 ที่ผ่านมา ชาวบ้านและเด็กๆ สันติสุขก็ได้ใช้ไฟฟ้า และระบบการเรียนการสอนด้วยสื่อและเทคโนโลยีต่างๆ ดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพเต็มที่
“ปัจจุบันมีนักเรียนประมาณ 300 คน จัดการเรียนการสอนจำนวน 11 ห้องเรียน ในระดับอนุบาล 1-มัธยมศึกษาปีที่ 3 สื่ออุปกรณ์การเรียนการสอนที่มีอยู่ค่อนข้างจำกัด หนังสือทุกเล่มล้วนมีความสำคัญและคุณค่ามากมายสำหรับเด็กๆ น้ำใจทุกน้ำใจคือสายน้ำที่จะหล่อเลี้ยงสมองและจิตใจของเด็กๆ ที่นี่ให้อิ่มความรู้ อบอุ่นกับน้ำใจจากผู้ใจบุญที่มอบให้จากทั่วทุกสารทิศ ซึ่งพวกเขาจะทดแทนด้วยการเป็นคนดี ตั้งใจเรียน เพื่อพัฒนาบ้านเกิดของตนเองตลอดไป” สงกรานต์ บอกถึงแนวคิดที่โรงเรียนบ้านสันติสุขพยายามปลูกฝังให้กับเด็กๆ เปลี่ยนพื้นที่แห่งการสู้รบในอดีตให้เป็นพื้นที่สันติสุข เช่นขณะนี้และตลอดไป


