คุมประพฤติฯเผยพาคน "ทัวร์รพ.-ห้องดับจิต" แเล้ว 438 คน

กรมคุมประพฤติฯ เผยพาคนเมาและขับขี่รถโดยประมาท ทัวร์โรงพยาบาล ห้องดับจิตไม่นานแล้ว 438คน

เมื่อวันที่ 3 พ.ค. เวลา 14.00 น. พ.ต.อ.ณรัชต์  เศวตนันทน์ อธิบดีกรมคุมประพฤติ ได้มอบหมายให้นายอภัย เอียดบัว ผู้อำนวยการสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดสมุทรสงคราม จัดกิจกรรมนำผู้ถูกคุมความประพฤติคดีเมาแล้วขับและขับรถประมาทจำนวน 30คนเยี่ยมชมโรงพยาบาล โดยเข้าชมห้องอุบัติเหตุ ห้องดับจิต พร้อมรับฟังการบรรยายถึงขั้นตอนและการปฏิบัติตัวในระหว่างการทำงานบริการสังคม และให้ความรู้เกี่ยวกับผลกระทบจากการดื่มแอลกอฮอล์ขณะขับรถด้วย ที่โรงพยาบาลสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า กระทรวงสาธารณสุข จังหวัดสมุทรสงคราม

นายอภัย ผ.อ.สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดสมุทรสงครามเผยว่า ช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้มีผู้ที่เข้าสู่กระบวนการคุมความประพฤติคดีขับรถขณะเมาสุราของสำนักงานคุมประพฤติฯสมุทรสงครามแล้ว จำนวน 30 คน โดยการดำเนินการแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิดด้วยการทำงานบริการสังคม เพื่อให้ผู้กระทำผิดได้รู้ถึงความทุกข์ทรมาน การสูญเสียสมรรถภาพจากการได้รับบาดเจ็บอันเกิดจากอุบัติเหตุทางถนน โดยการบำเพ็ญประโยชน์ด้วยการช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาล หรือดูแลผู้ได้รับบาดเจ็บ อันจะเป็นการกระตุ้นเตือนให้เกิดจิตสำนึกและสามารถเปลี่ยนพฤติกรรมในการขับขี่ให้มีความปลอดภัยทางถนนมากยิ่งขึ้น  และยังได้มีการเปิดให้ผู้ถูกคุมความประพฤติได้แสดงจิตสำนึกด้วยการบริจาคโลหิตแก่ผู้ป่วยอุบัติเหตุด้วย

นอกจากนี้วันเดียวกันนี้สำนักงานคุมประพฤติ จ.นครสวรรค์เเละ จ.อำนาจเจริญ ยังได้พาผู้ถูกคุมความประพฤติจำนวน 20 คนเเละ 108 คนตามลำดับ เยี่ยมชมโรงพยาบาลเช่นกัน  สำหรับกิจกรรมนี้กรมคุมประพฤติฯจะจัดอบรมปฐมนิเทศผู้ถูกคุมความประพฤติ และรับฟังการเรียนรู้ถึงผลกระทบจากการสูญเสียชีวิต และดูห้องปฏิบัติงานห้องฉุกเฉิน ห้องเก็บศพ ที่โรงพยาบาลเพื่อให้ผู้ถูกคุมความประพฤติได้ซึมซับกับความเจ็บปวดของเหยื่อก่อนไปสัมผัสกับความตายในห้องดับจิต

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาได้มีการการจัดพาผู้ถูกคุมความประพฤติคดีเมาแล้วขับทัวร์โรงพยาบาล-ห้องดับจิต ไปแล้ว จำนวน 438 ราย ในโรงพยายบาล 13 แห่ง โดยประเดิมแห่งแรกที่สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดศรีสะเกษ เเละขณะนี้สำนักงานคุมประพฤติทุกแห่งทั่วประเทศเตรียมพร้อมพาผู้ถูกคุมความประพฤติทัวร์ห้องดับจิตและเตรียมพร้อมช่วยเหลืองานโรงพยาบาลอย่างเต็มที่ เพื่อให้ผู้ถูกคุมความประพฤติได้ตระหนักและเกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการขับขี่ อันเป็นอีกหนทางหนึ่งที่จะลดอุบัติเหตุทางถนนต่อไป