posttoday

จับหัวหน้ากลุ่มทุนหนุนยากูซ่าหนีกบดานในไทย

01 พฤษภาคม 2559

ตำรวจไทย-ญี่ปุ่นร่วมจับกุม หัวหน้ากลุ่มทุนสนับสนุนแก๊งยากูซ่าใหญ่ หลังหลบหนีหมายจับเข้ามาอยู่ในประเทศไทย

ตำรวจไทย-ญี่ปุ่นร่วมจับกุม หัวหน้ากลุ่มทุนสนับสนุนแก๊งยากูซ่าใหญ่ หลังหลบหนีหมายจับเข้ามาอยู่ในประเทศไทย

เมื่อวันที่ 1 พ.ค. เวลา 09.00น. พล.ต.ท.ณัฐธร เพราะสุนทร ผบช.สตม. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.สส.สตม. และเจ้าหน้าที่ตำรวจญี่ปุ่น ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมตัว นายชูเฮอิ โยชิซาว่า สัญชาติญี่ปุ่น อายุ 34 ปี หัวหน้ากลุ่มทุนสนับสนุนแก๊งยากูซ่า ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลเมืองโกเบะ ประเทศญี่ปุ่น ฐานความผิดฉ้อโกงโดยใช้เครือข่ายอิเล็คทรอนิกส์ ลงวันที่ 9 ก.พ. 2559 โดยสามารถจับกุมตัวได้ภายในซอยประชาสงเคราะห์ 1 แขวงและเขตดินแดง เมื่อเวลา 02.00 น. วันที่ 1พ.ค.

พล.ต.ท.ณัฐธร กล่าวว่า สืบเนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสตม.ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจญี่ปุ่นให้ช่วยติดตามจับกุมตัว นายโยชิซาว่า หนึ่งในหัวหน้ากลุ่มทุนใหญ่ ที่ให้การสนับสนุนทางการเงินกับแก๊งยากูซ่า "ยามากูจิ" ซึ่งเป็นองค์กรอาชญากรที่มีอิทธิพลที่สุดในประเทศญี่ปุ่น โดยนายโยชิซาว่า เป็นประธานบริษัทมิยามา ซึ่งรับปรึกษาด้านการลงทุน มีสาขาหลายแห่งทั่วประเทศญี่ปุ่น แต่มีพฤติการณ์เป็นองค์กรอาชญากรรมหาเงินผิดกฎหมาย โดยจะใช้ผู้ร่วมขบวนการอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ขู่กรรโชกทรัพย์ ฉ้อโกงเหยื่อ ด้วยวิธีต่างๆ ให้ผู้เสียหายโอนเงินเข้าบัญชีถึงรายละ 1 ล้านเยน

นอกจากนี้ยังมีพฤติการณ์ร้ายแรงอื่นๆทางตำรวจญี่ปุ่นอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเอาผิด จากการตรวจสอบระยะเวลาประมาณ 1 ปี พบผู้เสียหายจากองค์กรอาชญากรรมของนายโยชิซาว่า กว่า 500 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 600 ล้านเยน หรือประมาณ 180 ล้านบาท

ต่อมาเมื่อประมาณกลางเดือนมี.ค. 2558 ที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจโอซาก้า ได้มีการปิดล้อมสำนักงานใหญ่ของบริษัทฯ จนสามารถจับกุมตัวผู้ร่วมแก๊งได้จำนวน 25 ราย ส่วนใหญ่เป็นสมาชิกแก๊ง ยามากุชิ แต่ขณะเข้าจับกุม นายโยชิซาว่า สามารถหลบหนีไปได้ และพบว่าได้เดินทางเข้าประเทศไทยเมื่อวันที่ 30 มี.ค. 2558 ต่อมาทางการญี่ปุ่นได้รวบรวมหลักฐานจนพบว่านายโยชิซาว่า เป็นหัวหน้าขบวนการนี้ ศาลจึงออกหมายจับ และแจ้งมาทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) โดยประสานผ่านกระทรวงต่างประเทศให้ช่วยติดตามจับกุม

พล.ต.ท.ณัฐธร กล่าวอีกว่า ก่อนหน้าทางการญี่ปุ่นจะออกหมายจับ พบว่านายโยชิซาว่า เดินทางเข้าออกประเทศไทย จำนวน 45 ครั้ง ในฐานะนักท่องเที่ยว ต่อมาได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นเวลา 1 ปี เพื่ออุปการะภรรยาคนไทย โดยมีพฤติการณ์เปลี่ยนแปลงที่อยู่จำนวนหลายครั้งเพื่อหลบเลี่ยงการติดตามและตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ โดยล่าสุดสืบสวนทราบว่านายโยชิซาว่ามีที่พักอยู่ภายในอาคารชุดในซอยประชาสงเคราะห์ 1 และมักจะเที่ยวตามสถานบันเทิงย่าน อาซีเอ อยู่เป็นประจำ จึงวางกำลังติดตามพฤติกรรม จนกระทั่งเมื่อวันที่ 1 พ.ค.เวลา ประมาณ 02.00 น. พบนายโยชิซาว่าและภรรยา ขับรถยนต์มาตามถนนพระรามเก้า เมื่อรถคันดังกล่าวเลี้ยวเข้าซอยประชาสงเคราะห์ 1 นายโยชิซาว่า รู้ตัวว่าถูกติดตามจึงจอดรถและวิ่งหลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงติดตามจับกุมตัวได้

ทั้งนี้ขณะเข้าจับกุมนายโยชิซาว่า ได้ขัดขืนการจับกุมจนทำให้ตำรวจได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 1 นาย ก่อนจะนำตัวมาตรวจค้นขยายผลที่ห้องพักภายในห้องชุด จากการตรวจค้นพบ หนังสือเดินทางที่ทางสถานทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยได้ยกเลิกการใช้แล้ว และประสานงานมาทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเพิกถอนเนื่องจากนายโยชิซาว่ามีหมายจับของเมืองโกเบะ จังหวัดโยโกะ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งหลังจากนี้จะประสานทางการญี่ปุ่น เพื่อนำตัวนายโยชิซาว่า กลับไปดำเนินคดีที่ประเทศญี่ปุ่น พร้อมสืบสวนว่ามีผู้ร่วมขบวนการในประเทศไทยหรือไม่ หากพบว่าผู้ใดมีส่วนร่วมกับขบวนการดังกล่าวก็จะดำเนินการติดตามจับกุมมาดำเนินคดีต่อไป

ข่าวล่าสุด

ไทยพาณิชย์ชู 3 แกนพัฒนาคน รับรางวัล HR Leader for Social Impact 2025