ปฏิบัติธรรม ตามลมหายใจใช้แก้ทุกข์
ธรรมะไม่ใช่เป็นของนักบวช เหมาะแก่นักบวชเพียงอย่างเดียว คนใช้ชีวิตที่ต้องทำงาน เลี้ยงลูกผ่อนรถ ผ่อนบ้าน
โดย...ราช รามัญ
ธรรมะไม่ใช่เป็นของนักบวช เหมาะแก่นักบวชเพียงอย่างเดียว คนใช้ชีวิตที่ต้องทำงาน เลี้ยงลูกผ่อนรถ ผ่อนบ้าน ก็สามารถนำเอาธรรมะมาใช้กับชีวิตได้ เพราะโลกใบนี้ทุกสรรพสิ่งย่อมมีการเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพกาลเวลา และเมื่อสิ่งนี้เกิดคราใดมนุษย์มักจะเป็นทุกข์ขึ้นมาทันที พระสุธรรมคณาจารย์ หรือหลวงปู่เหรียญ วรลาโภ ศิษย์ของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ตอนที่ท่านมาอยู่ที่สำนักสงฆ์จิตรลดา กรุงเทพฯ ผมมีโอกาสได้รับใช้ใกล้ชิดท่านอยู่บ้าง ท่านมักจะพูดธรรมะง่ายๆ เพื่อให้ญาติธรรมเข้าใจ โดยเฉพาะธรรมะในด้านของการปฏิบัติ
หลวงปู่มักกล่าวว่า พระพุทธเจ้าได้ให้วิธีแก้ดับทุกข์กับคนทั้งหลายเอาไว้ คือ การดูลมหายใจเข้าออก ภาษาธรรมเรียกว่า อานาปานสติ การตามดูลมหายใจเข้าออกทำให้เราเบาใจขึ้น ระงับความทุกข์ที่เกิดขึ้นสดๆ ในปัจจุบันกาลได้ บางคนตามดูเฉยๆ บางคนอาจใช้คำบริกรรมว่า พุทโธ เพื่อเป็นสิ่งจูงใจให้มาจดจ่อ
ผมเคยฝึกจิตในลักษณะอานาปานสติแบบนี้ติดต่อกันเป็นเวลายาวนาน ทำให้เข้าใจได้เลยว่าสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงแนะนำนี้เป็นของดีที่สามารถนำเอามาใช้ได้จริง ไม่ว่าจะเป็นนักบวชนำเอาไปฝึกเพื่อให้จิตนิ่งระงับและไปสู่คำสอนอันสูง ตลอดทั้งถ้าฆราวาสนำเอาไปใช้เพื่อระงับความทุกข์ก็สามารถใช้ได้จริงเช่นกัน
เวลาความทุกข์ไม่ว่าจะเรื่องใดเกิดขึ้นในใจ แล้วเรากลับมาตามดูลมหายใจเข้าออก สิ่งที่เป็นทุกข์นั้นจะสามารถค่อยๆ เบาบางลงอย่างน่าอัศจรรย์ นอกจากนี้ ยังเป็นการเพิ่มสมาธิให้เกิดขึ้นแก่เราโดยไม่รู้ตัว และเมื่อมีสมาธิเพิ่มขึ้นเวลาทำงานการใดก็จะสำเร็จอย่างรวดเร็ว ยิ่งคนที่ต้องทำงานคลุกคลีกับผู้คนเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นหัวหน้างาน ไม่ว่าจะในสายอาชีพใดๆ ก็ตามการกระทบกระทั่งกันย่อมจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ถ้าเรานำเอาวิธีการฝึกจิตแบบอานาปานสติไปใช้ก็จะสามารถช่วยให้เรานิ่งได้มากขึ้น มองสิ่งต่างๆ ได้ครอบคลุมมากขึ้น ทฤษฎีหนึ่งที่ผมเชื่อมาโดยตลอด คือ ผู้ที่ฝึกจิตได้นั้น สามารถเปลี่ยนโลกได้ เมื่อโลกข้างในเปลี่ยนโลกข้างนอกย่อมจะต้องเปลี่ยนตาม อย่างน้อยเปลี่ยนวิธีคิด เปลี่ยนวิธีทำให้ดีขึ้นไปจากเดิม
ผมพยายามนำบุคคลที่ใช้ชีวิตธรรมดาๆ มานำเสนอ เพื่อให้เห็นว่าธรรมะสามารถนำเอามาใช้ได้จริง และไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้วว่าจะต้องเป็นคนสูงอายุ แม้คนจะอายุไม่มากเท่าไหร่ ก็นำเอามาใช้ได้ผลดี
ได้มีโอกาสคุยกับคุณอัครินทร์ ภูทองกลม ผู้ที่มีความรู้ในเรื่องของการบริหารจัดการทางด้านทรัพยากรมนุษย์ ที่เชี่ยวชาญในเรื่องการสื่อสารเพื่อให้เกิดความไว้วางใจในองค์กร และการพัฒนาบุคลิกภาพของผู้นำ ซึ่งตัวเขาเองเป็นคนรุ่นใหม่จึงค่อนข้างเข้าใจคนรุ่นใหม่ เวลาเข้าไปทำงานแล้วเจอคนรุ่นเก่ารุ่นพี่ และด้วยแนวคิดที่ต่างกันในเวลาทำงานจึงเกิดกระทบกัน
คุณอัครินทร์ กล่าวว่า “คนรุ่นใหม่มักจะไฟแรง คิดเร็วทำเร็ว ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ผิด แต่เป็นธรรมชาติอย่างหนึ่งของเขา บางทีต้องแนะนำให้เขารู้จักการวางใจให้นิ่งๆ และรู้จักการรอคอยบ้าง ก็จะทำให้เขามีความสุขุมมากขึ้น
ส่วนตัวเวลาที่ทำงานแล้วถ้าหากเกิดการขัดแย้งกัน จะกลับมาดูตัวเองทันที ว่าเราได้ทำในสิ่งไหนขาดตกบกพร่องไป และถ้าสิ่งนั้นทำให้เราเป็นทุกข์ใจ ก็จะใช้วิธีการอานาปานสติ ดูลมหายใจเข้าออก ทำอย่างน้อยเพียงแค่ 5 นาที ความทุกข์ก็เริ่มคลายจางลงบ้าง จากนั้นสมาธิในตัวของเราจะเพิ่มมากขึ้น ความนิ่งจะเพิ่มตามมา” เสียงของการตอกย้ำจากคนรุ่นใหม่ว่าธรรมะเป็นเรื่องที่ทันสมัยตลอดเวลา เพียงแต่ถ้าเรารู้จักนำเอามาใช้กับชีวิตของเรา จะมีแต่ความสงบร่มเย็น และที่สำคัญยังปลดทุกข์ออกได้
นอกจากนี้ คุณอัครินทร์ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ยิ่งถ้ามีธรรมในข้อสังคหวัตถุ 4 คือ ธรรมสำหรับการสงเคราะห์ช่วยเหลือกัน ใครที่มี ยิ่งทำให้การใช้ชีวิตราบรื่น และดียิ่งๆ ขึ้น 1 ทาน การให้เพื่อแบ่งปันประโยชน์โดยไม่หวังผลตอบแทน 2 ปิยวาจา พูดด้วยถ้อยคำที่อ่อนหวานและจริงใจ 3 อัตถจริยา ช่วยเหลืออย่างเต็มใจ 4 สมานัตตตา การวางตัวเป็นบุคคลที่เสมอต้นเสมอปลาย
ธรรมะที่พระพุทธเจ้าสอน เป็นสิ่งที่มนุษย์พึงควรนำเอามาใช้กับชีวิตเป็นอย่างยิ่ง เพราะจะทำให้เราไม่เป็นผู้ที่ป่วยด้วยอาการทางจิตวิญญาณ โดยเฉพาะอานาปานสติสามารถช่วยได้อย่างอัศจรรย์ ยามใดที่เรายังมีความทุกข์ จงหยุดและหันกลับมาดูลมหายใจเข้าออกแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว


