กังวาน วีระนนท์ เจ้าพ่อบางนกแขวก

โดย...ส.สต

ภาพเก่าอายุกว่า 50 ปี เป็นภาพเจ้าพ่อบางนกแขวก กังวาน วีระนนท์ มีชื่อโด่งดังก่อน พ.ศ. 2500 เรื่อยมาถึง พ.ศ. 2506

เดือน พ.ย. 2502 เจ้าพ่อบางนกแขวก เป็นข่าวหน้า 1 หนังสือพิมพ์ ว่ากังวานท้า อัศวินเก๋งดำ ดวล หรือเจ้าพ่อ ท้า พ.ต.อ. ดวล คนร่วมสมัยจะทราบว่ากังวานที่ท้าตำรวจดวลนั้นได้แก่ กังวาน วีระนนท์ เจ้าพ่อบางนกแขวก ส่วนนายตำรวจที่ถูกเจ้าพ่อท้าดวล ได้แก่ พ.ต.อ.ถนอม หงส์ทอง อัศวินเก๋งดำ ซึ่งเป็นรองผู้บังคับการกองปราบปรามสมัยนั้น

กังวานมีอิทธิพลครอบคลุมพื้นที่ใน จ.สมุทรสงคราม เพชรบุรี กาญจนบุรี และราชบุรี โดยเฉพาะตามลำน้ำแม่กลอง และคลองดำเนินสะดวก

งานที่ทำให้กังวานโด่งดังขึ้นระดับเจ้าพ่อ คือ การใช้อำนาจอิทธิพล ตั้งตัวเป็นกรมเจ้าท่า (เถื่อน) เก็บค่าผ่านน่านน้ำเรือทุกลำ ที่ผ่านคลองดำเนินสะดวก ย่านบางนกแขวก และแม่น้ำแม่กลอง โดยกังวานใช้เรือเหล็กปล่องเหลือง จำนวน 10 กว่าลำ ตระเวนเก็บค่าผ่านน่านน้ำ สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนทั่วไป เพราะใครไม่ให้ไม่ตายก็เจ็บตัว

รายได้ที่เก็บจากเรือทุกชนิด ตลอดถึงแพไม้ซุงทั้งเถื่อนและไม่เถื่อน ที่ล่องผ่านน่านน้ำตลอด 24 ชม.นั้น เป็นรายได้มหาศาล

เมื่อเรือปล่องเหลืองของกังวานแผ่อิทธิพลคับน่านน้ำ ทำให้เจ้าพ่อเมืองเพชรบุรีที่มีนามว่าเทียนไล แห่งบ้านแหลม เพชรบุรี ทนไม่ได้ จึงสร้างเรือเหล็กปล่องดำ ออกวิ่งคุ้มครองเรือที่ผ่านคลองดำเนินสะดวก แม่น้ำแม่กลอง และแม่น้ำท่าจีน ผลประโยชน์ขัดกัน อะไรจะเกิดขึ้น นอกจากความตายและความวอดวาย ที่บันทึกเป็นเรื่องเป็นราว ก็คือ เรือเหล็กทั้งปล่องเหลืองและปล่องดำถูกชนล่มลงในแม่น้ำลำคลองไม่น้อยกว่า 7 ลำ ฉากการดวลปืนในลำน้ำย่านบางนกแขวกมีให้เห็น ทำให้ต่างฝ่ายเสียสมุนไปไม่น้อยเลย

ผู้ที่พ่ายแพ้เกมนี้ คือ เทียนไล เจ้าพ่อเรือปล่องดำจากบ้านแหลม เพชรบุรี ทำให้เรือปล่องเหลืองขึ้นหม้อ กังวานจึงทำได้ทุกเรื่อง ทั้งปล้น ฆ่า มีคดีรอบตัว รวมทั้งการรับงานฆ่าทนายความ 2 คน (บุญเชิด ศุภมณี และประสิทธิ์ พรหมสาขา ณ สกลนคร) โดยลูกน้องจัดการลวงไปยิงทิ้งที่ท่ายางแล้วโยนศพทิ้งเหว คนที่เป็นมือปืนต่อมาถูกจับ ชื่อ เมี้ยน ท. เคยเป็นนายท่าเรือปล่องเหลือง และเป็นมือปืนระดับพระกาฬทีเดียว

เมื่อถามคนที่เคยเห็นกังวานย่านบางนกแขวกจะบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า กังวานเป็นคนสมาร์ท แต่งตัวทันสมัย รูปหล่อเป็นพระเอกได้ก็แล้วกัน แต่มีความเป็นนักเลงในสายเลือด เมื่อไม่ถูกใจลงมือเอง ทั้งๆ ที่บางเรื่องลูกน้องทำเรื่องขึ้นมา 

ชีวิตครอบครัวแต่งงานกับสตรีที่เป็นพี่น้องกัน คือ ละมูล กับสี่ หรือเจ๊สี่ ที่ลูกน้องกลัวเพราะพกปืนคู่ตลอด ต่อมาเจ๊สี่ถูกจับในข้อหาอันธพาล เมื่อ พ.ศ. 2506 จึงได้ชื่อว่าเป็นอันธพาลหญิงคนแรกของประเทศไทย

ส่วนการจนมุมของกังวานก็ง่ายๆ ถูกจับที่บ้านหลังหนึ่งข้างวัดบุรณศิริมาตยาราม ริมคลองหลอด เมื่อวันที่ 17 พ.ย. 2502 ซึ่งเป็นบ้านที่กังวานไปหาหมอดู แต่ไม่กลับขอพักต่อเพราะป่วย เจ้าของบ้านให้พักโดยไม่รู้ว่าเป็นเจ้าพ่อ แต่คนอื่นรู้จึงบอกตำรวจมาจับ และถูกจับโดยละม่อม

ตำรวจตั้งข้อหาจำเลยคนดังทั้งหมด 28 คดี ศาลตัดสินประหารชีวิต แต่ได้รับการอภัยโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต ต่อมาป่วยหนัก ในที่สุดชีวิตเจ้าพ่อจบลงด้วยวัย 60 ปีเศษ ที่โรงพยาบาลในคุกบางขวาง เมื่อ พ.ศ. 2506 ศพฝังที่โบสถ์แม่พระบังเกิด บางนกแขวก เพราะนับถือคาทอลิก 

ชีวิตเจ้าพ่อจบไปแล้ว แต่คนยังพูดถึงความเป็นเจ้าพ่อ คู่ไปกับคนดังบางนกแขวกอีกคน คือ อภิเดช ศิษย์หิรัญ จอมเตะบางนกแขวก นักมวยชื่อดังระดับแชมป์ ที่จบชีวิตด้วยความสงบเมื่อ พ.ศ. 2557 บ้านและรูปยังมีให้เห็นที่ตลาดเก่าบางนกแขวก