posttoday

ผุดแผนที่ GIS อัพเดตผังเมืองกทม.

03 สิงหาคม 2553

 

 

8...อาทิตย์ เคนมี

การเจริญเติบโตของเมืองกรุงเทพมหานคร (กทม.) มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง การใช้สอยพื้นที่ในทุกตารางนิ้วมีการปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา ขณะที่เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศยังไม่มีการพัฒนาให้ก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพเมืองใหญ่ ทำให้เป็นปัญหาต่อการวางผังเมืองและการกำหนดแผนพัฒนาเมืองโดยรวม

ตามนโยบายของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. ได้ประกาศไว้ว่า จะต้องพัฒนาเมืองให้เจริญก้าวหน้าทัดเทียมกับมหานครชั้นนำระดับโลก ทั้งในด้านโครงสร้างพื้นฐาน การแข่งขันทางเศรษฐกิจ การพัฒนาสิ่งแวดล้อม และคุณภาพชีวิตที่ดี ซึ่งทั้งหมดนี้จำเป็นต้องอาศัยเทคโนโลยีสารสนเทศที่ทันสมัย เพื่อใช้จัดเก็บข้อมูลทางกายภาพในพื้นที่ กทม.

หนึ่งในแนวทางที่จะมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง คือ การนำเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ หรือ จีไอเอสมาประยุกต์ใช้เพื่อการพัฒนาและบริหารจัดการเมืองอย่างมีประสิทธิภาพ

ปัจจุบัน สำนักผังเมืองของ กทม. ยังคงใช้แผนที่มาตราส่วน 1 : 4,000 ซึ่งมีความละเอียดต่ำ และมีความผิดพลาดคลาดเคลื่อนถึง 4050 เมตร สำนักผังเมืองจึงเตรียมจัดทำระบบเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ มาตราส่วน 1 : 500 ซึ่งเป็นแผนที่เชิงเลขที่มีความละเอียดสูง สามารถระบุพิกัดได้อย่างแม่นยำและมีความผิดพลาดเฉลี่ยไม่เกิน 10 ซม.เท่านั้น โดยตั้งวงเงินไว้ 960 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มนำมาใช้ภายในปี 2554 นี้

นายพรเทพ เตชะไพบูลย์ รองผู้ว่าฯ กทม. ระบุว่า ถึงเวลาจะต้องมีการสำรวจและปรับปรุงแผนที่ กทม.ให้ทันสมัย เหมาะสมกับสภาพความเป็นจริง เพื่อใช้เป็นแนวทางในการจัดวางผังเมืองในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ย่านเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม หรือพื้นที่ทางการเกษตร รวมทั้งใช้เป็นแนวทางในการวางระบบสาธารณูปโภคให้สอดคล้องกับสภาพพื้นที่

ด้านนายขุนพล พรหมแพทย์ รองผู้อำนวยการสำนักผังเมือง กล่าวว่า แผนที่จีไอเอสสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้หลากหลายด้าน โดยเฉพาะในด้านผังเมืองจะช่วยในการจัดสรรพื้นที่ให้สอดคล้องกับทิศทางการขยายของเมืองและการใช้ประโยชน์ในแต่ละด้าน ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดผังเมืองรวม ผังโครงข่ายการคมนาคมขนส่ง เนื่องจากในแผนที่จะประกอบด้วยข้อมูลพื้นฐานที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นเส้นเขตพื้นที่การปกครอง เส้นทางน้ำ ถนน รถไฟ ที่ตั้งของสถานที่สำคัญ รวมทั้งข้อมูลสาธารณูปโภคต่างๆ

สำหรับการประยุกต์ใช้ในงานด้านที่ดินและอาคาร จะช่วยสำรวจสิ่งก่อสร้าง อาคาร พื้นที่อนุรักษ์ พื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วม พื้นที่แผ่นดินทรุด กรรมสิทธิ์ที่ดิน การประเมินราคาที่ดิน และการใช้ประโยชน์จากที่ดินโดยรวม ส่วนในด้านงานโยธา สามารถใช้ประโยชน์จากแผนที่จีไอเอสในการควบคุมอาคาร การกำหนดความสูงของตัวอาคาร การวางแผนตัดถนน การคำนวณผลกระทบจากการเวนคืนที่ดิน เป็นต้น

ขณะเดียวกัน แผนที่จีไอเอสยังสามารถประยุกต์ใช้กับหน่วยงานอื่นๆ ของ กทม. เช่น สำนักสิ่งแวดล้อม สามารถนำข้อมูลจากแผนที่มาช่วยในการวิเคราะห์ว่ามีพื้นที่ใดบ้างที่เสี่ยงต่อมลพิษสูง และใช้เป็นข้อมูลในการร้องเรียนโรงงานที่ปล่อยมลพิษ สำนักการจราจรและขนส่ง นำข้อมูลไปใช้วิเคราะห์เส้นทางที่เหมาะสมในการเดินทาง โดยอนาคตจะมีการเชื่อมโยงข้อมูลลงในเว็บไซต์เพื่อให้ประชาชนสามารถตรวจสอบสภาพการจราจรในการเดินทางได้ รวมถึงการเชื่อมโยงกับกล้องซีซีทีวีและป้ายจราจรอัจฉริยะ

นอกจากนี้ ยังสามารถใช้กับงานด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ด้านการระบายน้ำ ด้านการแพทย์ เช่น หากเกิดเหตุเร่งด่วนฉุกเฉินเจ้าหน้าที่จะสามารถวิเคราะห์สภาพพื้นที่ ค้นหาเส้นทางที่จะนำรถดับเพลิงหรือรถพยาบาลให้เข้าถึงจุดเกิดเหตุได้อย่างรวดเร็วที่สุด

นายขุนพล กล่าวว่า หลังจากเริ่มโครงการจัดทำแผนที่จีไอเอสจะมีการส่งเจ้าหน้าที่ออกสำรวจและเก็บข้อมูลทั้งหมดในพื้นที่ กทม. คาดว่าจะแล้วเสร็จไม่เกิน 2 ปี โดยขณะนี้ได้มีการลงนามประกาศเจตนารมณ์การใช้ข้อมูลร่วมกันกับ 33 หน่วยงาน เช่น กรมสรรพากร กรมชลประทาน กรมพัฒนาที่ดิน การไฟฟ้านครหลวง บริษัท ทีโอที บริษัท ไปรษณีย์ไทย บริษัท ปตท. การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย เป็นต้น โดยจะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลภูมิสารสนเทศเพื่อการพัฒนาระบบต่อไป

นายถิ่น หงษ์ทอง หัวหน้าฝ่ายภูมิสารสนเทศทางผังเมือง กองสำรวจและแผนที่ สำนักผังเมือง กล่าวว่า สภาพความเปลี่ยนแปลงของเมือง กทม. เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา ในแต่ละปีจะมีการสร้างบ้านและที่อยู่อาศัยไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นหลัง จึงจำเป็นต้องมีการปรับฐานข้อมูลให้ทันสมัยอยู่เสมอ อย่างน้อย 46 เดือนต่อครั้ง ซึ่งเบื้องต้นสำนักผังเมืองได้มีการจัดทำแผนที่ 3 มิติ ขึ้นเผยแพร่ทางเว็บไซต์ เพื่อเป็นต้นแบบให้หน่วยงานอื่นๆ นำไปต่อยอดได้

ขณะที่นายดำเกิง ชำนาญค้า อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ กล่าวว่า จากประสบการณ์ในการจัดทำแผนที่เพื่อการจัดเก็บภาษีของ กทม. ทำให้ทราบว่า ที่ผ่านมา กทม.ไม่สามารถเรียกเก็บภาษีที่ดินได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย เพราะขาดฐานข้อมูลที่ชัดเจน ดังนั้นหากมีการพัฒนาแผนที่ให้มีความละเอียดและแม่นยำมากขึ้น เชื่อว่าจะช่วยให้ กทม.จัดเก็บภาษีที่ดินได้ครบ 100% รวมทั้งจัดเก็บภาษีโรงเรือนและภาษีป้ายได้เพิ่มอีกไม่ต่ำกว่า 20%

ด้านนายชนินทร์ ทินนโชติ อาจารย์คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า แผนที่จีไอเอสจะเกิดประโยชน์ขึ้นจริงก็ต่อเมื่อมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกันระหว่างทุกหน่วยงานเพื่อบูรณาการร่วมกัน ซึ่งปัจจุบันยังขาดการเชื่อมโยงข้อมูล แต่หากมาร่วมกันได้จะช่วยลดความซ้ำซ้อน ลดค่าใช้จ่าย ประหยัดเวลาและทรัพยากรลงได้ สุดท้ายจะนำไปสู่การปรับฐานข้อมูลให้สอดคล้องเป็นมาตรฐานเดียวกัน

ข่าวล่าสุด

ไทยพาณิชย์ชู 3 แกนพัฒนาคน รับรางวัล HR Leader for Social Impact 2025