posttoday

เดิมพันของหลวง การพนันของราษฎร์

27 มีนาคม 2559

จะต้องบำรุงความสมบูรณ์ของราษฎรในทางเศรษฐกิจ โดยรัฐบาลใหม่จะจัดหางานให้ราษฎรทำ

โดย...กรกิจ ดิษฐาน

“จะต้องบำรุงความสมบูรณ์ของราษฎรในทางเศรษฐกิจ โดยรัฐบาลใหม่จะจัดหางานให้ราษฎรทำ จะวางโครงการเศรษฐกิจแห่งชาติ ไม่ปล่อยให้ราษฎรอดอยาก” - นี่คือข้อที่ 3 ของ “หลัก 6 ประการของคณะราษฎร” ซึ่งต่อมาหลวงประดิษฐ์มนูธรรม (ปรีดี พนมยงค์) ได้นำเสนอแนวทางผ่าน “ร่างเค้าโครงเศรษฐกิจ” อันอื้อฉาว ซึ่งส่งผลให้เกิดความวุ่นวายทางการเมืองตามมา พร้อมกับติดยี่ห้อให้หลวงประดิษฐ์ฯ เสียเสร็จสรรพว่าเป็นคอมมิวนิสต์

เรื่องความอื้อฉาวของร่างเค้าโครงเศรษฐกิจผมขอละไว้ เพราะมีประเด็นที่น่าสนใจเข้ากับสมัยนิยมมากกว่า คือ วิสัยทัศน์ของท่านเรื่องอบายมุข

อันที่จริงแล้วรัฐบาลประเทศสยามหรือไทยมีประสบการณ์ครบถ้วนมาแล้วทั้งบ่อนเบี้ยและสถานกาสิโน และมีการประเมินมาแล้วว่าผลลัพธ์เป็นเช่นไร ในยุคของ “บ่อนเบี้ย” เกิดขึ้นในช่วงก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครอง รัฐบาลพบว่าประชาชนเล่นพนันกันแบบหัวราน้ำ รัฐบาลได้เงินอากรมากมาย แต่สังคมย่อยยับอัปรา ดังพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชปรารภว่า การพนันทำให้คนสยามตกลงเป็นทาสมากมาย ดังนี้

“...การมีราษฎรที่มัวเมาอยู่ในการพนันย่อมเป็นเหตุนําไปสู่ความวิบัติทั้งทางส่วนตัวและทางความมั่นคงของประเทศชาติ... ข้าพเจ้าเห็นว่ายังมีความขัดข้องอยู่ด้วยกรุงสยามยังมีภาษีหวยถั่วโป การพนันต่างๆ ฝิ่น เหล้าเหล่านี้ที่จริงได้ทําคนให้เป็นทาษ ให้โทษแก่มนุษย์ทั้งหลาย... จะต้องคิดดับของเหล่านี้เสียก่อนจึงจะเลิกทาษได้...”

ส่วนสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ครั้งทรงดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย ทรงตั้งข้อสังเกตถึงชุมชนที่มีการเปิดบ่อนว่า

“...ไม่เห็นใครบริบูรณ์ขึ้น พากันเข้าบ่อนทั้งผู้หญิงผู้ชาย ที่รอดอยู่ได้ก็คือ พวกที่ยกบ้านเรือนไปตั้งทำนาอยู่ตามทุ่งนาที่ไกลๆ หรือออกไปตั้งแลกข้าวตกเข้าอยู่ในที่ห่างๆ จากโรงบ่อน พวกนั้นค่อยยังชั่วหน่อย แต่ถึงกระนั้นก็ดีถ้ามีช่องโอกาสได้ลงมากลางเมืองได้เมื่อไร ขายข้าวได้มีเงินติดตัวอยู่เท่าใดก็หมดไปเท่านั้นเหมือนกัน...”

มีผู้กล่าวว่ารัฐบาลราชาธิปไตยนั้นอยู่ได้ด้วยเงินอากรของกิจการผิดศีลธรรมมากมาย แต่ที่จริงแล้วการเก็บอากรจากเรื่องผิดศีลธรรมเป็นการห้ามปรามอย่างหนึ่ง เพราะการหักดิบแทบเป็นไปไม่ได้ และรังแต่จะสร้างความไม่พอใจแต่ราษฎร เป็นปัญหาทางรัฐประศาสนศาสตร์เสียอีก

แต่การเก็บอากรจากเรื่องผิดศีลธรรมเพื่อหาเงินเข้ารัฐแบบไม่คิดกังวลและหมายจะห้ามประชาชนทางอ้อมนั้นเป็นปัญหามาก

ต่อมาหลังเปลี่ยนแปลงการปกครองแล้ว มีข้อเสนอให้ตั้ง “สถานกาสิโน” ของรัฐบาล เสนอโดยหลวงประดิษฐ์ฯ รมว.คลัง ในสมัยรัฐบาลหลวงพิบูลสงครามหนแรก ข้อเสนอนี้มีจุดประสงค์เพื่อหาเงินแทนเงินรัชชูปการที่ยกเลิกไป จนเกิดมี “พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยเงื่อนไขการพนันตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติการพนัน” ดำเนินครั้งแรกที่หัวหิน เมื่อเดือน พ.ค. 2482 แต่เปิดได้ 2 วันก็ล่ม เพราะคนไม่เข้า

ถามว่าทำไมหลวงประดิษฐ์ฯ ต้องบรรจุการหาเงินจากอบายมุขไว้เป็นวาระแห่งชาติถึงขนาดนี้ (ซึ่งทำให้เขาจนมุมทางการเมืองในท้ายที่สุด)

คงเพราะหลวงประดิษฐ์ฯ เห็นว่าการพนันเป็นนิสัยของคนสยาม เล่นกันเอิกเกริกถึงขนาดสามารถทำรายได้ให้รัฐ ท่านจึงเสนอให้รัฐหาเงินจากการขึ้นทะเบียนนักพนันเสียเลย จะได้เก็บภาษีพวกที่เสพติดการเสี่ยงดวง โดยไม่ต้องเปิดบ่อนเสรี เพียงแต่ใครอยากจะเล่นก็ไปแจ้งลงทะเบียนกับหลวง เพื่อเป็นนักพนันอย่างถูกกฎหมาย จากนั้นหลวงจะเก็บเงินรายปีไปตามหัวหรือตามวง/บ่อน

อย่างไรก็ตาม นี่เป็นวิธีแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ซึ่งคุณหลวงท่านทราบ แต่จำเป็นต้องทำและควรทำโดยรัฐได้ประโยชน์ ส่วนต้นเหตุนั้นท่านสกัดกั้นไม่ให้คนรุ่นหลังเล่นการพนันเลย คือใครเล่นไม่เป็นก็ห้ามลงทะเบียน เป็นการตัดตอนไปกลายๆ ท่านเสนอว่า

“...ผู้ที่เป็นนักเลงการพนันในเวลานี้ จะพยายามหาวิธีไม่ให้เล่นด้วยการห้ามขาดนั้นย่อมเหลือวิสัย คือคงลักลอบเล่น ฉะนั้นควรหาวิธีป้องกันคนชั้นหลังที่เล่นไม่เป็นอย่าให้เล่น ส่วนผู้ที่เล่นเป็นอยู่แล้วก็คงเล่นได้ แต่ต้องมาขึ้นทะเบียน... และการเล่นพนันทุกชนิด ต้องจำกัดให้น้อยลงทุกทีและต้องป้องกันคนชั้นหลังไม่ให้เล่นเป็น...”

ต่อมาเมื่อคุณหลวงเป็นขุนคลังในรัฐบาลเจ้าคุณพหลฯ ท่านเสนอให้เปิด “สถานกาสิโน” แต่ก็ล้มไปอย่างที่ผมเคยรายงานไว้ เพราะไม่ประสบผลในการปรับใช้นโยบาย เพราะใช้แล้วสร้างความวอดวายต่อประชาชน

ที่ยกเรื่องนี้ขึ้นมาก็เพราะต้องการจะชี้ให้เห็นว่า รัฐบาลราชาธิปไตย และรัฐบาลคณะราษฎรแม้จะเหมือนน้ำกับน้ำมัน แต่มีสิ่งหนึ่งเหมือนกันคือ ไม่เห็นประโยชน์ของการพนันต่อประเทศชาติ หรืออย่างน้อยที่สุดเคยใช้นโยบายเปิดเสรีแล้วล้มเหลว เพราะเห็นภัยต่อ “ราษฎรทั้งหลาย” มากกว่า

กระทั่ง “ลิเบอรัล” รุ่นบุพกาลอย่างเทียนวรรณท่านก็วิพากษ์การพนันโดยรัฐบาลราชาธิปไตยอย่างไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรม

อย่างน้อยมหาราชและรัฐบุรุษต่างเห็นภัยของอบายมุข และไม่ยอมแพ้อย่างง่ายๆ แม้จะทราบดีว่าคนสยามนั้นเสพติดการพนัน แต่ท่านรู้ว่า นิสัยไม่ดีควรหรือจะเก็บไว้? ควรหรือจะยกนิสัยไม่ดีของคนในชาติขึ้นมาเป็นจุดเด่นประเทศชาติ?

ข่าวล่าสุด

"พลังงาน" สั่งเข้ม! ตรวจสอบปริมาณส่งออกน้ำมัน ทางบก-เรือ พร้อมร่วมมือกองทัพสกัดลักลอบส่งน้ำมันเข้ากัมพูชา