คดีพลิก!‘ร.ต.อ.’นางเลิ้งโผล่โต้ทำร้ายคนขับเก๋ง
ร.ต.อ. สน.นางเลิ้ง แจงคลิปยัน ไม่ได้ตบหน้าคนขับเก๋ง แค่ตักเตือน จ่อเอาผิดคนโพสต์คลิป
ร.ต.อ. สน.นางเลิ้ง แจงคลิปยัน ไม่ได้ตบหน้าคนขับเก๋ง แค่ตักเตือน จ่อเอาผิดคนโพสต์คลิป
จากกรณีเมื่อวันที่ 24 มี.ค. ที่ผ่านมา แฟนเพจเฟซบุ๊กชื่อ “สนับสนุนปฏิรูปตำรวจ” มีการโพสต์คลิปวีดีโอถึงเหตุการณ์ที่ในคลิปว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่ง ทราบชื่อภายหลังคือ ร.ต.อ.อรรถวิทย์ เรืองโภควิทย์ รองสารวัตรปราบปราม ช่วยราชการปฏิบัติหน้าที่การจราจร สน.นางเลิ้ง กำลังพูดคุยกับบุคคลคนที่อยู่ในรถยนต์เก๋ง โตโยต้า รุ่นออลติส สีบรอนซ์เงิน ก่อนใช้มือฟาดเข้าไปในรถยนต์คันดังกล่าวลักษณะเหมือนการทำร้ายบุคคลที่อยู่ภายในรถ ซึ่งเหตุการณ์ขึ้นที่บริเวณปากซอยพะเนียง ข้างวัดโสมนัส แขวงวัดโสมนัส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร จนกระทั่งมีการวิพากษ์วิจารณ์ในโลกสังคมออนไลน์กันอย่างแพร่หลาย ถึงการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจคนดังกล่าวที่ไม่เหมาะสม
ล่าสุดวันที่ 25 มี.ค. พ.ต.ท.ประชา เนียมสุภาพ รอง.ผกก.จร.สน.นางเลิ้ง เปิดเผยว่า ภายหลังทราบเรื่องคลิปเหตุการณ์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ไปยังโลกสังคมออนไลน์ จึงสอบถามไปยัง ร.ต.อ.อรรถวิทย์ ทราบว่า ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่อำนวยความสะดวกด้านการจราจร ได้มีรถยนต์เก๋งคันดังกล่าวได้ตรงเข้าไปยังบริเวณหน้าวัดโสมนัส แต่บริเวณนั้นมีการจัดงานและปิดการจราจรอยู่ แต่รถยนต์คันดังกล่าวจะพยายามเลี้ยวเข้ามา จึงเกิดการณ์พูดคุยโต้แย้ง ในระหว่างนั้นบุคคลที่อยู่รถยนต์เก๋งได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อถ่ายภาพ ร.ต.อ.อรรถวิท จึงได้คว้ามือเข้าไปในรถเพื่อจะแย่งโทรศัพท์มือถือ ซึ่งไม่ได้เป็นการทำร้ายตามที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมโลกออนไลน์แต่อย่างใด
พ.ต.ท.ประชา กล่าวอีกว่า หลังจากที่คลิปดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ออกไปทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเสื่อมเสียชื่อเสียง ซึ่งในขณะนี้เตรียมมอบหมายให้เจ้าหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อเอาผิดกับผู้ที่โพสคลิปวีดีโอดังกล่าวและผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป
ด้านพ.ต.อ.สมโภช สุวรรณจรัส ผกก.สน.นางเลิ้ง กล่าวว่า จากการสอบถามได้รับการยืนยันว่าคนขับขับมาเพียงคนเดียว เบาะซ้ายไม่ได้มีผู้นั่งแต่อย่างใด และได้รับการยืนยันว่าร.ต.อ.อรรถวิท ไม่ได้ทำร้ายร่างกายคนในรถด้วย อย่างไรก็ตามขณะนี้สั่งการให้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณดังกล่าว รวมทั้งติดตามบุคคลที่ขับรถคันดังกล่าวเพื่อมาสอบปากคำถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยืนยันให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายแน่นอน ซึ่งเบื้องต้นทราบว่าเรื่องราวไม่ได้เป็นตามที่มีการโพสต์และแชร์อย่างแน่นอน เตรียมแจ้งข้อหาความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์พร้อมติดตามตัวคนโพสต์มาดำเนินคดีต่อไป


