นศ.เมืองสองแควร้องผบช.ภ.6ถูกชายอ้างเป็นตำรวจทำร้าย
นศ.มรภ.พิบูลสงคราม จำนวน 50 คน เข้าร้องเรียนต่อผบช.ภ.6 หลังถูกบุคคลอ้างว่าเป็นตำรวจใช้ปืนข่มขู่-กระทืบ
นศ.มรภ.พิบูลสงคราม จำนวน 50 คน เข้าร้องเรียนต่อผบช.ภ.6 หลังถูกบุคคลอ้างว่าเป็นตำรวจใช้ปืนข่มขู่-กระทืบ
เมื่อวันที่ 23 มี.ค. นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม อ.เมืองพิษณุโลก จำนวนกว่า 50 คน เดินทางมายื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่อ พล.ต.ท.ชนสิษฎ์ วัฒนวรางกูร ผบช.ภ.6 ที่หน้าสำนักงานตำรวจภูธรภาค 6 อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก หลังถูกบุคคลที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจซ้อมทำร้ายร่างกายเพื่อนนักศึกษา จำนวน 5 ราย ได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยพ.ต.อ.นฤชา สุวรรณลาภา รอง ผบก.อก.ภ.6 เป็นผู้รับเรื่อง
นายธนพล คงอิว อายุ 23 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะมนุษยศาสตร์ สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเวลา 00.00 น.ของวันที่ 18 มี.ค.ที่ผ่านมา ขณะตนเองพร้อมเพื่อนจำนวน 5 คน ขับรถยนต์เดินทางออกจากมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม เพื่อไปซื้อดอกไม้มาจัดงานสัมมนาวิชาการของทางมหาวิทยาลัย ประกอบด้วย นายชัยธวัช ธำรงศักดิ์คุณ คนขับ นายศิริวัฒน์ คุ้มทัศ นั่งข้างคนขับ ส่วนตนเองพร้อมกับ น.ส.กมลชนก กล่ำเทพ และนายธราเทพ แสงพิรุณ นั่งเบาะหลัง
ต่อมาได้ขับรถยนต์มาถึงจุดเกิดเหตุบริเวณสามแยกข้างสะพานสูงฝั่งท็อปแลนด์พลาซ่า ถ.เอกาทศรถ มีรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า สีขาว ขับเข้ามาปาดหน้าจากทางด้านซ้ายโดยไม่ได้เปิดไฟเลี้ยว เพื่อนที่ขับรถจึงได้บีบแตรรถใส่รถคันดังกล่าวซึ่งมีลักษณะการขับขี่ที่มึนเมา แต่รถคันดังกล่าวได้พุ่งชนจากทางด้านหลัง นายชัยธวัช ธำรงศักดิ์คุณ คนขับจึงพยายามหยุดรถเพื่อลงไปดูรถของตนเอง แต่ขณะนั้นได้ยินเสียงคล้ายปืนดังขึ้น 4 ครั้ง และนักศึกษาที่ร่วมนั่งมาในรถด้วยเห็นว่าคนในรถคันดังกล่าวใช้อาวุธปืนยิงใส่ ด้วยความตกใจเลยบอกให้นายชัยธวัชขับรถหนี ระหว่างหนีก็ถูกคนที่อยู่ในรถไล่ยิงตลอดทาง จนรถได้รับความเสียหายไม่สามารถที่จะขับไปต่อได้ เพราะถูกยิงเข้าที่ยางด้านหลังขวาแบนแฟ่บ
ต่อมาชายไม่ทราบชื่อเข้ามาพยายามจะเปิดประตูรถของพวกตนแต่ไม่สามารถเปิดได้ กระทั่งชายดังกล่าวใช้อาวุธปืนจ่อขู่ให้เปิดประตูแล้วใช้คำพูดขู่อีกว่า "ถ้าไม่เปิดประตูจะยิง" จึงยินยอมเปิดประตู จากนั้นชายดังกล่าวได้ไล่พวกตนทั้งหมดรวม 5 คน ลงจากรถโดยใช้อาวุธปืนปู่ให้หมอบลงกับพื้น แล้วลงมือทำร้ายร่างกายนายชัยธวัช คนขับ ทั้งกระทืบและให้ด้ามปืนฟาดเข้าที่ศีรษะจนแตก และใช้เชือกมัดมือก่อนใส่กุญแจมือ พร้อมด่าทอด้วยถ้อยคำที่ไม่สุภาพหยาบคาย ต่อมาชายคนดังกล่าวได้ลงมือกระทำกับนายศิริวัฒน์ คุ้มทัศ โดยเข้ามาเตะเข้าที่ใบหน้า 2 ครั้ง อย่างรุนแรง นอกจากนี้ชายคนดังกล่าวยังโทรศัพท์ตามเพื่อนชายอีกคนที่ 2 โดยขี่รถจักรยานยนต์มาที่เกิดเหตุ ก่อนจะเข้ามาใช้กำปั้นมือทุบบริเวณกกหูอย่างรุนแรง 1 ครั้ง จากนั้นชายทั้ง 2 คนได้ด่าทอดด้วยถ้อยคำที่ไม่สุภาพหยาบคาย และใช้อาวุธปืนข่มขู่ทุกระยะ ต่อมาชายที่ทำร้ายร่างกายนายชัยธวัชจะเข้ามาทำร้ายร่างกาย น.ส.กมลชนก อีก แต่นายธราเทพได้เข้ามาบังไว้ จึงถูกชายคนดังกล่าวใช้มือหยิบรองเท้าขึ้นมาฟาดที่บริเวณลำคอ และเตะที่บริเวณข้างลำตัว
ระหว่างที่เกิดเหตุการณ์ขึ้นมีรถยนต์ของผู้เสียหายอีกคันที่ถูกชายคนดังกล่าวขับรถชนได้รับความเสียหายเช่นกัน ได้ขับตามมาจนถึงจุดเกิดเหตุและพบว่ากลุ่มนักศึกษากำลังถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ทำร้ายร่างกาย จึงเปิดประตูรถลงไปช่วยกลับถูกใช้ปืนจ่อข่มขู่ โดยระหว่างที่เกิดเหตุกล้องวิดีโอหน้ารถยนต์ของพยานสามารถบันทึกภาพเหตุการณ์ขณะกลุ่มนักศึกษาถูกทำร้ายได้ทั้งหมด ภายหลังเหตุการณ์ยุติได้มีตำรวจสายตรวจขี่รถจักรยานยนต์ 3 คัน รวม 6 คน เข้ามาตรวจสอบ พร้อมกับร้อยเวร สภ.เมืองพิษณุโลก ในเครื่องแบบมาตรวจค้นรถของนักศึกษา แต่ก็ไม่พบสิ่งผิดกฏหมายแต่อย่างใด ๆ อีกทั้งกลุ่มนักศึกษาได้ขอให้มีการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์กับกลุ่มชายที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะมีลักษณะเหมือนมึนเมาสุรา แต่ทางตำรวจก็ไม่มีการตรวจวัดแอลกอฮอล์แต่อย่างใด
จากนั้นนักศึกษาทั้งหมดจึงไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลอินเตอร์เวชการ ผลตรวจของแพทย์พบว่านายชัยธวัช คนขับ ด้านหลังศีรษะแตกต้องเย็บ 5 เข็ม นายธราเทพมีรอยฟกช้ำตามร่างกายโดยเฉพาะที่ซี่โครง นายศิริวัฒน์มีบาดแผลที่จมูกหักเบี้ยวผิดรูป นายธนพลกระดูกคอร้าวต้องนอนพักฟื้นที่โรงพยาบาล 1 คืน ส่วน น.ส.กมลชนก ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด ซึ่งหลักจากพักฟื้นจนอาการทุเลาลงแล้วทั้งหมดจึงพากันมาแจ้งความร้องทุกข์กับ ร.ต.ท.อิสระ คุ้มวันดี เวรร้อย สภ.เมืองพิษณุโลก แต่เนื่องจากผู้ที่กระทำความรุนแรงกับกลุ่มนักศึกษาอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม


