ดาวหางใกล้โลก
ในช่วงต้นสัปดาห์นี้ ดาวหางสองดวงจะโคจรผ่านโลกด้วยระยะใกล้มากเป็นประวัติการณ์ น่าเสียดายที่ดาวหางทั้งสอง
โดย...วรเชษฐ์ บุญปลอด
ในช่วงต้นสัปดาห์นี้ ดาวหางสองดวงจะโคจรผ่านโลกด้วยระยะใกล้มากเป็นประวัติการณ์ น่าเสียดายที่ดาวหางทั้งสองมีความสว่างน้อย ดวงหนึ่งสว่างกว่าอีกดวงหนึ่ง แต่ดวงที่สว่างกว่าก็ยังสังเกตได้ยากด้วยตาเปล่า นอกจากนี้ แสงจันทร์จะเป็นอุปสรรคสำคัญในการสังเกตดาวหางดังกล่าวอีกด้วย
ดาวหางที่จะผ่านใกล้โลกในวันที่ 21 และ 22 มี.ค. 2559 ดวงหนึ่งมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า 252 พี/ลีเนียร์ (252P/LINEAR) อีกดวงหนึ่งมีชื่อว่า พี/2016 บีเอ 14 แพนสตารรส์ (P/2016 BA14 PANSTARRS) ซึ่งต่อไปจะขอเรียกอย่างย่อๆ ว่า 252 พี และ บีเอ 14
ดาวหาง 252 พี ถูกค้นพบเมื่อเดือน เม.ย. 2543 ตัวอักษรพีแสดงว่าเป็นดาวหางรายคาบ คือมีคาบการโคจรรอบดวงอาทิตย์น้อยกว่า 200 ปี ส่วนตัวเลข 252 แสดงลำดับของดาวหางในบัญชีดาวหางรายคาบ ปัจจุบันดาวหาง 252 พี มีคาบการโคจรนาน 5.33 ปี
ดาวหาง 252 พี จะผ่านใกล้โลกในวันที่ 21 มี.ค. 2559 เวลาประมาณ 2 ทุ่มเศษ ตามเวลาประเทศไทย ห่างโลกที่ระยะ 0.03564 เอยู (1 เอยู หรือ 1 หน่วยดาราศาสตร์ คือระยะห่างเฉลี่ยระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์ มีค่าประมาณ 149.6 ล้านกิโลเมตร) หรือ 5.3 ล้านกิโลเมตร ไกลกว่าระยะทางระหว่างโลก-ดวงจันทร์ราว 14 เท่า
ช่วงที่ดาวหางดวงนี้ใกล้โลกที่สุด ดาวหาง 252 พี มีตำแหน่งปรากฏอยู่บริเวณกลุ่มดาวสามเหลี่ยมใต้และนกการเวก ซึ่งอยู่ใกล้ขั้วฟ้าใต้ จึงไม่สามารถสังเกตได้จากประเทศไทย จะสังเกตได้ดีจากซีกโลกใต้ดาวหางบีเอ 14 ถูกค้นพบในเดือน ม.ค. 2559 รายงานในช่วงแรกระบุว่าเป็นดาวเคราะห์น้อย แต่เมื่อพบว่ามีวงโคจรใกล้เคียงกับดาวหาง 252 พี นักดาราศาสตร์จึงสังเกตการณ์อย่างละเอียดจนเห็นหางในภาพถ่าย และถูกจัดไปอยู่ในบัญชีดาวหาง ปัจจุบันดาวหางบีเอ 14 มีคาบการโคจรนาน 5.25 ปี
ดาวหางบีเอ 14 จะผ่านใกล้โลกในวันที่ 22 มี.ค. 2559 เวลาประมาณ 4 ทุ่มครึ่ง ตามเวลาประเทศไทย ห่างโลกที่ระยะ 0.02366 หรือ 3.5 ล้านกิโลเมตร ไกลกว่าระยะทางระหว่างโลก-ดวงจันทร์เพียง 9 เท่า เป็นระยะทางที่ใกล้กว่าดาวหาง 252 พี และนับว่าใกล้เป็นอันดับต้นๆ ในประวัติศาสตร์ ช่วงที่ดาวหางดวงนี้ใกล้โลกที่สุด มีตำแหน่งปรากฏอยู่บริเวณกลุ่มดาวสิงโต แต่มีความสว่างน้อยมาก
ดาวหาง 252 พี และบีเอ 14 มีวงโคจรใกล้เคียงกัน นักดาราศาสตร์เชื่อว่ามีความเป็นไปได้สูงที่ดาวหางสองดวงนี้เคยเป็นดาวหางดวงเดียวกันในอดีต รายงานล่าสุดระบุว่าความสว่างของดาวหาง 252 พี เพิ่มถึงระดับโชติมาตร 6 แปลว่าพอจะเห็นได้จางๆ ด้วยตาเปล่าภายใต้ฟ้ามืด โคม่าหรือหัวดาวหางมีขนาดพอๆ กับดวงจันทร์เต็มดวง การที่โคม่าแผ่กว้างเช่นนี้ แสดงว่ามีความสว่างพื้นผิวต่ำ สังเกตเห็นได้ยากหากไม่ทราบตำแหน่งที่แน่นอนของดาวหาง โดยดาวหางปรากฏเป็นสีเขียวในภาพถ่ายเนื่องจากโมเลกุลของคาร์บอนอะตอมคู่
หลังจากผ่านใกล้โลกที่สุด ดาวหาง 252 พี ซึ่งสว่างกว่าบีเอ 14 จะเคลื่อนที่ขึ้นมาจากซีกฟ้าใต้ไปยังซีกฟ้าเหนืออย่างรวดเร็ว ทำให้มาปรากฏบนท้องฟ้าในเวลาเช้ามืดของประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 23 มี.ค. เป็นต้นไป ช่วงวันที่ 23-31 มี.ค. ดาวหางจะเคลื่อนผ่านกลุ่มดาวสามเหลี่ยมใต้ แท่นบูชา แมงป่อง คนแบกงู และกลุ่มดาวงู โดยความสว่างน่าจะลดลงอย่างต่อเนื่อง
แม้ว่ามีโอกาสที่ดาวหางจะสว่างพอให้สังเกตได้ในกล้องสองตา แต่ขณะนั้นดาวหางผ่านแนวของทางช้างเผือก ดวงจันทร์ข้างแรมก็ปรากฏบนท้องฟ้าในเวลาเดียวกัน ทำให้การสังเกตการณ์ทำได้ยาก ไม่ว่าจะด้วยการมองผ่านกล้องหรือการถ่ายภาพ เพราะแสงจันทร์ทำให้ท้องฟ้าสว่างจนไม่เห็นวัตถุท้องฟ้าที่มีความสว่างน้อย หากถ่ายภาพโดยเปิดรูรับแสงนาน แสงของท้องฟ้าก็จะกลบแสงของดาวหางจนไม่ปรากฏในภาพถ่าย
งานวิจัยเมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งศึกษาแบบจำลองการเคลื่อนที่ของสะเก็ดดาวที่หลุดออกมาจากดาวหาง แสดงว่าดาวหาง 252 พี อาจก่อให้เกิดฝนดาวตกในอัตราสูงสุดไม่เกิน 5-10 ดวง/ชั่วโมง ในช่วงวันที่ 28-30 มี.ค. 2559 โดยจุดกระจายอยู่บริเวณกลุ่มดาวกระต่ายป่า (ใกล้กลุ่มดาวนายพราน) ดาวตกอาจมีความสว่างน้อย เคลื่อนที่ช้าด้วยความเร็วราว 15.5 กิโลเมตร/วินาที
ดาวหางเลกเซลล์ (D/1770 L1 Lexell) เป็นดาวหางที่ผ่านใกล้โลกที่สุดในประวัติศาสตร์เท่าที่มีการบันทึกไว้ ดาวหางเฉียดโลกเมื่อวันที่ 1 ก.ค. ปี ค.ศ. 1770 ตามเวลาสากล ห่างโลกที่ระยะ 0.0151 เอยู (2.3 ล้านกิโลเมตร) หรือราว 6 เท่าของระยะทางระหว่างโลก-ดวงจันทร์ มีรายงานว่าโคม่ามีเส้นผ่านศูนย์กลางปรากฏกว้างถึง 2 องศา 23 ลิปดา หลังจากผ่านใกล้โลกในปีนั้น ดาวหางเลกเซลล์ก็ไม่กลับมาให้เห็นอีก ชื่อดาวหางจึงขึ้นต้นด้วยอักษร D ซึ่งใช้กับดาวหางรายคาบที่หายไป คาดว่ามีความเป็นไปได้ที่การเข้าใกล้ดาวพฤหัสบดีเมื่อปี ค.ศ. 1779 อาจรบกวนวงโคจรของดาวหางเลกเซลล์จนเหวี่ยงดาวหางออกไปนอกระบบสุริยะ
หลังจากผ่านใกล้โลกในปีนี้ ดาวหาง 252 พี จะกลับมาเข้าใกล้โลกอีกครั้งในวันที่ 16 มี.ค. 2575 ที่ระยะห่าง 8.6 ล้านกิโลเมตร หลังจากนั้น ดาวหางจะผ่านใกล้ดาวพฤหัสบดีในปี 2576, 2589 และปี 2636 แรงโน้มถ่วงของดาวพฤหัสบดีรบกวนวงโคจรของดาวหาง ทำให้ดาวหาง 252 พี ไม่มีโอกาสผ่านใกล้โลกเท่ากับที่ใกล้ในปีนี้อีก อย่างน้อยก็ภายในระยะ 150 ปีข้างหน้า
ปรากฏการณ์ท้องฟ้า (20-27 มี.ค.)
ท้องฟ้าเวลาหัวค่ำมีดาวพฤหัสบดีเป็นดาวเด่นอยู่ทางทิศตะวันออกในกลุ่มดาวสิงโต เริ่มเห็นตั้งแต่ท้องฟ้าเริ่มมืดหลังดวงอาทิตย์ตก ดาวพฤหัสบดีจะผ่านจุดสูงสุดบนท้องฟ้าในเวลาประมาณ 5 ทุ่มครึ่ง แล้วเคลื่อนต่ำลงจนตกลับขอบฟ้าในเวลาตี 5 ครึ่ง
ดาวศุกร์ ดาวอังคาร ดาวเสาร์ อยู่บนท้องฟ้าให้สังเกตได้ดีในเวลาเช้ามืด ดาวศุกร์อยู่ใกล้ขอบฟ้าทิศตะวันออกในทิศทางของกลุ่มดาวคนแบกหม้อน้ำ ยังพอจะสังเกตเห็นได้ แต่ดาวศุกร์จะอยู่ใกล้ขอบฟ้ามากในขณะที่ท้องฟ้าเริ่มสว่าง ดาวอังคารอยู่ในกลุ่มดาวแมงป่อง ห่างไปทางซ้ายมือไม่ไกลจากดาวอังคารจะเห็นดาวเสาร์อยู่ในกลุ่มดาวคนแบกงู
ต้นสัปดาห์เป็นปลายข้างขึ้น ดวงจันทร์สว่างค่อนดวงปรากฏบนท้องฟ้าเวลาหัวค่ำ คืนวันที่ 20 มี.ค. ดวงจันทร์ผ่านใกล้ดาวหัวใจสิงห์ในกลุ่มดาวสิงโตที่ระยะ 3 องศา จากนั้นเคลื่อนไปใกล้ดาวพฤหัสบดีในคืนวันที่ 21 มี.ค. โดยเข้าใกล้กันที่สุดในเวลาเช้ามืดของวันถัดไปที่ระยะห่าง 4 องศา
ดวงจันทร์สว่างเต็มดวงในเวลาหัวค่ำของวันที่ 23 มี.ค. เกิดจันทรุปราคาเงามัว โดยดวงจันทร์เคลื่อนผ่านเงาโลกในส่วนที่มีความทึบแสงต่ำกว่าเงามืด ทำให้เรายังคงเห็นดวงจันทร์เต็มดวง แม้จะเกิดจันทรุปราคาขึ้นก็ตาม โดยดวงจันทร์เข้าไปในเงาลึกที่สุดเวลา 18.57 น. ความสว่างของดวงจันทร์จะลดลงเพียงเล็กน้อย หากสังเกตดีๆ อาจพบว่าขอบด้านทิศใต้ของดวงจันทร์ ซึ่งอยู่ทางขวามือขณะดวงจันทร์ขึ้นทางทิศตะวันออก ดูหมองคล้ำกว่าขอบด้านทิศตรงกันข้าม


