ตร.งมโข่งบึ้มซ.รางน้ำเหยื่อโคม่ารอดแค่10%
พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 เปิดเผยความคืบหน้าการสืบสวนคลี่คลายคดีระเบิดกองขยะบริเวณซอยรางน้ำ ตรงข้ามคิงเพาเวอร์คอมเพล็กซ์ แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี กทม. เมื่อเวลา 01.30 น. วันที่ 30 ก.ค. ว่า จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดยังไม่พบสิ่งผิดปกติหรือบุคคลต้องสงสัยปรากฏในภาพวงจรปิดแต่อย่างใด
ทั้งนี้ กล้องวงจรปิดบริเวณดังกล่าวนั้นมีอยู่ 9 จุดด้วยกัน แต่ยังไม่เห็นภาพที่คนร้ายนำระเบิดมาวางไว้ เพราะบริเวณดังกล่าวเป็นเส้นทางสัญจรไปมา มีผู้คนพลุกพล่าน
พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า จากเหตุระเบิดที่ซอยรางน้ำพบว่าเป็นเหตุระเบิดป่วนเมือง หากดูแลเฉพาะกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ จึงต้องประสานทุกฝ่ายให้ช่วยกัน
“
ถ้าไม่มี พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เหตุการณ์คงวุ่นวายมากกว่านี้ ขนาดยังคง พ.ร.ก.ฉุกเฉินไว้ยังเกิดเหตุระเบิด ทุกวันนี้ตำรวจก็พยายามดูแล แต่คนร้ายอาศัยช่องว่างก่อเหตุ” พล.ต.ท.สัณฐาน กล่าวพล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ที่ปรึกษา (สบ 10) กล่าวว่า จาก 2 คดีที่เกิดขึ้น คือ ระเบิดที่ป้ายรถเมล์หน้าห้างบิ๊กซี ราชดำริ และซอยรางน้ำ เป็นสิ่งบอกเหตุว่าหากจับคนร้ายไม่ได้ก็อาจเกิดขึ้นอีก
สำหรับระเบิดทั้ง 2 รูปแบบมีความใกล้เคียงกัน โดยในซอยรางน้ำพบว่าเป็นระเบิดที่ผลิตในประเทศจีน และถอดสลัก ก่อนใช้หนังยางชุบน้ำมันโซลาพันไว้เพื่อให้เปื่อยและหลุดออกก่อนกระเดื่องทำงาน และเป็นจังหวะที่ผู้บาดเจ็บซึ่งมีอาชีพเก็บของเก่าเข้าไปและระเบิดทำงานพอดี ส่วนที่บิ๊กซีเป็นระเบิดขว้างเหมือนกัน แต่วิธีการทำงานต่างกัน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ดูจากเวลาของเหตุการณ์ก็น่าจะเป็นการมุ่งไปในเรื่องของการสร้างสถานการณ์มากกว่า และอย่างที่บอกว่าก่อนหน้านี้ 23 วัน ลักษณะของเหตุที่จะเกิดนั้นมีความพยายามในเชิงสัญลักษณ์
พญ.วารุณี จินารัตน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชวิถี กล่าวว่า เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นมีผู้บาดเจ็บเป็นชายอายุประมาณ 30 ปี ไม่ทราบชื่อและที่อยู่ อาการสาหัส บริเวณร่างกายเต็มไปด้วยสะเก็ดระเบิด มีสะเก็ดฝังลึกที่ศีรษะตรงกลางสมอง และมีเลือดออกที่ปอดทั้งสองข้าง โอกาสรอดไม่ถึง 10%
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม กล่าวหลังเรียกประชุมหน่วยงานด้านการข่าวเพื่อรับมือสถานการณ์ความวุ่นวายภายในกรุงเทพฯ ว่า ที่เรียกหน่วยงานด้านการข่าวและด้านความมั่นคงที่เกี่ยวข้องมาหารือครั้งนี้ เพราะอยากพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องสถานการณ์ภาพรวม เพื่อประเมินสถานการณ์ทั้งหมดว่าเป็นอย่างไร และเห็นว่าหน่วยงานด้านการข่าวทำหน้าที่ดีอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องปรับปรุงแต่อย่างใด