ลูกเล่นเผด็จการ

อ่านบทความจากลูกเสืออินเตอร์เน็ตสู่ลูกเสือประชาธิปไตยของ สายพิณ แก้วงามประเสริฐ ในมติชน วันที่ 19 ก.ค. 2553 แล้วอดที่จะร่วมวงเรื่องนี้ด้วยไม่ได้ เพราะสิ่งที่คุณสายพิณเขียน ไม่ว่าจะตั้ง “ลูกเสืออินเตอร์เน็ต” เพื่อสอดส่องพฤติกรรมที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศก็ดี การจะตั้ง “ลูกเสือประชาธิปไตย” ในโรงเรียนก็ดี ล้วนเป็นการจัดตั้งเยาวชน “หลอกเด็ก” ให้มาเป็น “เครื่องมือ” เพื่อการกระชับ “ระบอบเผด็จการ” ทั้งสิ้น

เผด็จการพวกนี้มักจะ “อ้าง” เอา “ความมั่นคงของชาติ” มา “หลอก” “เด็ก” ผู้ไร้ประสบการณ์ หลอก “ผู้ใหญ่” (หรือแม้แต่ทหาร) ที่ตี “ความมั่นคงของชาติ” กับ “ความมั่นคงของรัฐบาล” ของ “ระบอบเผด็จการ” ไม่ออกว่า “ต่างกันอย่างไร” เสมอ

ความไม่มั่นคงใดๆ ของชาติ ล้วนเป็นผลิตผลของ “ระบอบเผด็จการไทย” ระบอบที่มีนายทุนผู้มีอิทธิพลอำนาจมืดไม่ถึง 10% ของประชากรเข้าไปถืออำนาจอธิปไตยอยู่ทั้งทางตรงและทางอ้อม ด้วยอำนาจเงินและอำนาจอธิปไตยที่พวกเขาถือ ย่อมไป “เอาเปรียบผู้ประกอบการขนาดกลางขนาดย่อม” ขูดรีดแรงงาน “คนยากคนจน” แบบ “ไม่ให้เกียรติ” ต่อ “ความเป็นมนุษย์”

ความมั่นคงของชาติไม่ใช่ความมั่นคงของรัฐบาลฉันใด ความมั่นคงของระบอบเผด็จการก็ไม่ใช่ความมั่นคงของชาติฉันนั้น ที่ผ่านมา “คน 10%” หลอก “นายทหาร” บางส่วนไปถือปืน “รับใช้” โดยอ้าง “ความมั่นคง” เป็นเหตุ แบบได้ประโยชน์ไปพร้อมๆ กัน

หลังปฏิบัติการ ล่าสังหาร บนถนนราชประสงค์ จะเห็นพระ แม่ชีดังไปออกพื้นที่ที่มี“แดง” หนาแน่นใช่ไหมครับ มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอกครับ แต่เป็น “โปรแกรม” ที่ถูกเซตขึ้นมาทั้งสิ้น ใครที่เรียนประวัติศาสตร์โลกมา จะเห็นได้ว่า หลังจากนักล่าอาณานิคม เข้าไปฆ่า ปล้นอำนาจอธิปไตยจากชนพื้นเมืองแล้ว พวกเขาก็จะเอา “บาทหลวง” ไปกำกับการลุกฮือของคนพื้นเมืองตามไปเสมอ

ดังนั้น จึงไม่ต้องบอกว่า “ปฏิรูปประเทศไทยมี Hidden Agenda” อย่างไรนะครับ

ป.ล.2 ช่างภาพมาฟ้องผมว่า “สื่อทุจริตต่อวิชาชีพ” บางคนไปให้การแบบเอื้อต่อทหารและรัฐบาลว่า “ทหาร” ไม่ได้ใช้อาวุธสงครามในการปราบปรามประชาชนคนเสื้อแดงในช่วงพฤษภามหาโหดที่ผ่านมา ใครกล้า “ทรยศ” ต่อ “วิชาชีพ” ได้ ก็อย่ามาทำอาชีพนี้ให้แปดเปื้อนมลทินเลยครับ

แต่ในวันที่กาละเทศะถึงพร้อมอย่างนี้ ต่อให้ร้อยอานันท์ พันประเวศ ก็ฝืน “ปฏิวัติ” ไม่ได้ ต่อไปเผด็จการจะค่อยๆ “หมดอำนาจ” ลงไปทีละน้อยๆ และหายไปอย่างฉับพลันชนิดที่ตัวเองก็ “ไม่เชื่อ” สายตาตัวเอง มีแต่การหันมาร่วมมือปฏิวัติร่วมกับประชาชนเท่านั้นที่สามารถทำให้ผู้ปกครองอยู่อย่างเป็นสุข ถ้ายังฝืนกฎธรรมชาติอยู่อย่างนี้ “การล้มตึงแบบสนั่นโลก” จะเกิดขึ้นอย่างนึกไม่ถึงทีเดียว

ป.ล.4 การเคลื่อนไหวอย่างสันติของ บก.ลายจุด มีพลังทางการเมืองมากกว่าการชุมนุมเอาคนมาตายมากมายนัก นอกจากนั้นการแปรเปลี่ยนความคั่งแค้นให้เป็นพลังโดยปราศจาก “หลักวิชา” ย่อมนำมาซึ่งการพังบ้านพังเมืองได้แต่สร้างไม่ได้! เตือนนักจัดตั้งมวลชนอาชีพทั้งหลายเอาไว้ ณ ที่นี้ด้วย และถ้าคุณทักษิณรักชาติบ้านเมืองจริง ก็จงยุติบทบาททางการเมืองแนวทางนั้นเสีย ให้พรรคเพื่อไทยหันหน้ามาร่วมมือกับประชาชนเพื่อทำอำนาจอธิปไตยให้เป็นของปวงชนดีกว่า เพราะถ้าคุณยังเคลื่อนไหวแย่งอำนาจคืนแบบเดิมก็จะไป “บัง” การต่อสู้ของประชาชน ให้เสียเวลาไปเปล่าๆ

ปล.5 พวกที่เคลื่อนไหวเรื่อง “เสรีภาพสื่อคือเสรีภาพของประชาชน” หรือพวก “จับจ้องมองสื่อ” หายไปไหนกันหมด ไยไม่ไปบอกหมอประเวศที่เขียนลงในโพสต์ทูเดย์วันที่ 14 ก.ค. หน่อยว่า ปัญหาสื่อไม่ได้อยู่ที่สื่อไม่อยากลดความเหลื่อมล้ำในสังคมหรือไม่แสวงหาความเป็นธรรมให้กับสังคมหรอกครับ แต่ด้วยหลักวิชาแล้วความเป็นธรรมจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อนักการเมืองในระบอบเผด็จการ ที่คุณหมอไป “รับใช้” แนวทางเขา (ภายใต้โปรแกรมปฏิรูปประเทศ) “ลงจากเวที” ไปเสียทั้งหมด แล้วให้รัฐบาลเฉพาะกาลเซตการปกครองที่มีอำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชน (ไม่ใช่ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างที่พวกปฏิรูปกำลังจะแหกตาซ้ำ) เข้าไปแทนที่อำนาจอธิปไตยนายทุน ปัญหาต่างๆ ของชาติก็จะหมดไป อย่ามาหาข้ออ้างเพื่อจะมามีอิทธิพลหรืออยากจะมีบทบาทคุมสื่อให้เผด็จการเลยครับ