เรียงความลูกกำพร้าปลุกสังคมช่วย

เรื่องราวสะเทือนใจที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุดในสังคมออนไลน์ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นเรื่องที่ถูกบันทึกลงในเรียงความของ ด.ญ.อารดา วงศ์ดีเลิศ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนเทศบาล 2 (วัดใหม่ท่าพาณิชย์) ต.กบินทร์ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ซึ่งเนื้อหาได้บอกเล่าชีวิตสุดหักเหจากเดิมที่มีครอบครัวอบอุ่นพร้อมหน้าพ่อแม่ลูก แต่แล้ววันหนึ่งญาติและแม่ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ขณะเดินทางไปทำธุระที่ต่างจังหวัด ส่งผลให้ผู้เป็นแม่เสียชีวิตแต่เธอรอดมาได้อย่างหวุดหวิด โชคดีที่พ่อไม่ได้ร่วมเดินทางไปในครั้งนั้นด้วย ตลอดเวลาที่ผ่านมาเหลือเพียงพ่อและคุณย่าที่คอยดูแล

ทว่าหลังจากนั้นไม่นานโชคชะตากลั่นแกล้งอีกครั้ง เมื่อวันหนึ่งผู้เป็นพ่อคือ นพ.กฤษดา วงศ์ดีเลิศ อดีตแพทย์โรงพยาบาลกบินทร์บุรี ต้องเสียชีวิตลงภายหลังจากช่วยปั๊มหัวใจเร่งด่วนให้คนไข้อาการติดเชื้อในกระแสเลือด จึงทำให้ไม่ได้สวมผ้าปิดปาก ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่คนไข้อาเจียนใส่ แต่ด้วยความที่คุณพ่อไม่ได้คำนึงถึงความปลอดภัยของตัวเอง จึงไม่ได้รับประทานยาป้องกัน ส่งผลให้พ่อมีอาการป่วยและจากไปด้วยวัยเพียง 30 ปีเท่านั้น ทุกวันนี้ ด.ญ.อารดา อาศัยอยู่กับคุณย่าอายุ 75 ปี ในบ้านพักของคนอื่นที่ยังคงให้ความเมตตา ค่าใช้จ่ายในครอบครัวไม่เพียงพอ และเธอยังเป็นโรคลมชัก ทำให้ต้องลาออกจากโรงเรียน ภายหลังเรื่องราวนี้ถูกแชร์ออกไปทำให้มีผู้คนจำนวนมากยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือและบริจาคให้เป็นค่าการศึกษารวมถึงรักษาสุขภาพในที่สุด

กลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์อีกครั้ง เมื่อนักท่องเที่ยวจีนจำนวนมากนิยมขับรถส่วนตัวหรือรถบ้านเดินทางเข้าประเทศไทยและอาศัยนอนพักริมถนน ทำให้สังคมโซเชียลตั้งคำถามถึงรูปแบบการท่องเที่ยวที่เกิดขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย เพราะอาจส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในระยะยาว ขณะเดียวกันยังไม่มีกฎระเบียบควบคุมจากทางภาครัฐ หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เข้ามาตรวจสอบและหามาตรการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงปัญหาด้านสุขอนามัย เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ชี้แจงว่ารูปแบบการท่องเที่ยวเปลี่ยนไป เนื่องจากการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวเข้าออกประเทศแถบอาเซียนได้รับความนิยมมากขึ้น โดยหลังจากนี้จะออกมาตรการควบคุมจำนวนรถ รวมถึงแนวคิดจอดรถไว้ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองเท่านั้น

ความคืบหน้าล่าสุดในการติดตามดำเนินคดีกับ ทพญ.ดลฤดี จำลองราษฎร์ อดีตอาจารย์ คณะทันตแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล ที่ไม่กลับมาทำงานชดใช้ทุนรัฐบาล ได้มีการตั้งทนายความในสหรัฐ เพื่อฟ้องร้องคดีแพ่ง คาดว่าจะใช้เวลา 1 ปี ส่วนค่าใช้จ่ายได้รับจากการบริจาคเงินช่วยเหลือเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างบรรทัดฐานในการจัดการกับผู้หนีทุน ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) และมหาวิทยาลัยมหิดล เตรียมฟ้องล้มละลายกับ ทพญ.ดลฤดี ในวันที่ 14 มี.ค.นี้