พิทักษ์ รัชกิจประการ แห่งพีทีจี เมื่อเห็นโอกาสต้องลุย

โดย...ยินดี ฤตวิรุฬห์

การเข้าไปลุยธุรกิจในยามวิกฤตเมื่อทำได้สำเร็จและพลิกฟื้นให้กลับมาเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง และยังคงเดินหน้าเติบโตไปข้างหน้าด้วยมีเป้าหมายและความหวังที่จะเป็นบริษัทชั้นนำในแถบประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ให้ได้ ถือว่าเป็นความสำเร็จและความภาคภูมิใจของลูกผู้ชายที่ชื่อ “พิทักษ์ รัชกิจประการ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารหรือซีอีโอ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) ผู้ดำเนินธุรกิจค้าปลีกน้ำมันภายใต้แบรนด์ PT ที่ทุกวันนี้เชื่อว่าทุกๆ คนจะรู้จักและเห็นปั๊มสีเขียวแห่งนี้ไปทั่วทุกที่ที่รถวิ่งไปถึง

พิทักษ์ทุ่มเททุกสรรพกำลัง ผลักดันให้ PTG ก้าวขึ้นมาผงาดในธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน จากเมื่ออดีตแม้แต่สถาบันการเงินยังมองว่าธุรกิจปั๊มหรือธุรกิจค้าปลีกน้ำมันเป็นธุรกิจที่ตะวันตกดินไปแล้ว

“พิทักษ์” วัย 51 ปี ผู้บริหารสูงสุดของบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี หรือเมื่ออดีตที่ผ่านมาคือ บริษัท ภาคใต้เชื้อเพลิง เล่าว่า จบปริญญาตรีด้านการประมงจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งเมื่อจบมาได้ใช้วิชาที่เรียนมาในการทำนากุ้งที่ จ.สตูล ทำอยู่ประมาณ 5 ปี ระหว่างที่ทำนากุ้งก็เรียนปริญญาโทด้านการบริหารที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

ประจวบเหมาะกับช่วงนั้นบริษัทพี่ชายร่วมหุ้นกับเพื่อนคือ บริษัท ภาคใต้เชื้อเพลิง เริ่มมีปัญหา พี่ชายก็ดึงเข้าไปช่วย โดยบอกว่าสนใจจะมาช่วยชาติไหม จึงตัดสินใจเข้าไปดำเนินธุรกิจ เป็นจังหวะพอดีกับที่ประเทศไทยเกิดวิกฤตต้มยำกุ้ง ซึ่งบริษัทก็รับผลกระทบจากการลงทุนที่ผิดพลาดมาโดยตลอด

เขาร่วมมือกับพนักงานลดค่าใช้จ่าย พนักงานประมาณ 500-600 คน มีความเชื่อมั่นว่าธุรกิจที่ดำเนินอยู่จะสามารถพลิกกลับมาได้ถ้าทุกคนร่วมใจและตั้งใจกันทำงาน และไม่หมดกำลังใจ ฝ่าวิกฤตกันไปได้ แม้ตอนนั้นในปี 2550-2551 หุ้นส่วนของพี่ชายแนะให้เลิกกิจการ แต่พิทักษ์ไม่ย่อท้อ

“ผมจำได้ตอนนั้นเข้ามาลุยธุรกิจ ทำไประยะหนึ่งเราก็เห็นโอกาสว่าธุรกิจปั๊มน้ำมันไปได้และไม่ตาย เพราะวันนั้นจำได้ วันที่ราคาน้ำมันพุ่งขึ้น ขณะที่ยักษ์ใหญ่บ้านเรายังไม่ประกาศขึ้นราคาน้ำมัน เพราะเข้าใจว่าธุรกิจนี้ยังถูกควบคุมดูแลและบริษัทต่างชาติคือเชลล์ประกาศขึ้น ซึ่งเมื่อเป็นแบบนี้ทำให้เห็นว่าธุรกิจนี้ไม่ตาย เราก็ลุยกันเต็มที่ และเมื่อทุกอย่างเป็นไปอย่างที่คิด เราคือพนักงาน 500-600 คน และผมฮึกเหิมมาก ลุยกันเต็มที่จนกิจการดีขึ้นเรื่อยๆ สิ่งสำคัญมากตอนนั้นคือกำลังใจ และความคิด เพราะถ้าคิดว่าเจ๊งมันคือเจ๊ง แต่ถ้าเราคิดว่าเจ๋งมันคือเจ๋ง และพวกผมทุกคนเราเลือกว่ามันจะเจ๋ง และ PTG ก็เดินมาถึงวันนี้” พิทักษ์ กล่าว

เมื่อไปขอสินเชื่อกับสถาบันการเงินกลับถูกมองและตั้งคำถามว่าธุรกิจปั๊มน้ำมันไม่มีวันฟื้นได้แล้ว แต่เขาก็พยายามต่อไปจนสุดท้ายได้รับเงินสนับสนุนจากธนาคารไทยพาณิชย์มาก้อนหนึ่ง และตัดสินใจปรับปรุงภาพลักษณ์องค์กรเปลี่ยนชื่อเป็น PTG และนำกิจการเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เพื่อสร้างการเติบโต

การทำธุรกิจยึดหลักว่าจะต้องคิดต่าง คิดรอบคอบ เหมือนตอนนั้นทุกคนบอกว่าจะต้องจ้างบริษัทข้างนอก แต่พิทักษ์ทำทุกอย่างเอง ทั้งคลังน้ำมัน มีกองรถบรรทุก เพราะคิดว่าสามารถควบคุมต้นทุนเองได้ทั้งหมด รู้ทุกระยะ และในช่วงน้ำมันแพงก็ไม่ต้องกลัวน้ำมันจะถูกขโมยไปขาย เพราะรถบรรทุกทุกคันติดจีพีเอส ที่จะรู้ได้ทันทีว่าเมื่อรถออกจากคลังจะใช้เวลาแค่ไหนจึงจะถึงสถานีจ่ายน้ำมัน และการผุดปั๊มจะผุดในถนนสายรอง บุกจากต่างจังหวัดเข้ามา ใช้วิธีการเช่าปั๊มแทนการสร้าง เพราะการสร้างใช้เวลาเป็นปี แต่เช่าใช้เวลาแค่ 45 วันในการปรับปรุง ด้วยหลักการนี้ทำให้ถึงวันนี้ธุรกิจของ PTG ก้าวขึ้นมาผงาดได้ และปัจจุบันในระบบมอง PT ว่ากำลังจะเป็นฉลามร้าย

“PT หากเปรียบเทียบกับบอลพรีเมียร์ลีก เราอยู่ในโซนบลูโอเชียนหรือพวกดิวิชั่น ต่างจากผู้ค้า 5 รายใหญ่ที่เขาอยู่ในเรดโซนหรือแดงเดือดแล้ว ดังนั้นเรามีเวลาเต็มที่ในการพัฒนาตัวเอง และถึงตอนนี้เราจะก้าวข้ามขึ้นไปแข่งข้างบน และผมก็มีเป้าหมายชัดเจนหลังจากสำเร็จในต่างจังหวัดก็จะบุกเข้ามาในเขตปริมณฑล เพราะจากสถิติผู้ใช้น้ำมันกลุ่มใหญ่มากจะอยู่ในตะเข็บกรุงเทพฯ และหลังจากนี้ก็จะเห็นปั๊มสีเขียวแบรนด์ PT ในละแวกกรุงเทพฯ และปริมณฑล และถึงวันนี้ทุกคนต่างมีคำถามว่าเรามาไกลอย่างนี้ได้ไง ซึ่งผมยืนยันว่า PTG ยังคงเติบโตไปข้างหน้า”

ทฤษฎีที่เขานำมาใช้ในการทำธุรกิจคือธนูดอกเดียว คือเมื่อยิงออกไปแล้วต้องสำเร็จ ต้องแม่น ยิงทะลุหัวใจ เพราะธนูดอกเดียวจะใช้เปลืองไม่ได้ เช่นกัน ธุรกิจเราไม่ได้ใหญ่ในวันนี้ แต่จะใหญ่ในวันข้างหน้า เพราะฉะนั้นต้องวางแผนและทำทุกอย่างอย่างรอบคอบ ต้องมีทางออกเสมอ ถ้า 1 ไม่ได้ 2, 3 และ 4 จะเป็นอย่างไร ดังนั้นในแต่ละก้าวที่เดินไปจะไม่พลาด

จับตา PTG กับอนาคตที่ตอนนี้แผนธุรกิจ 10 ปี กำลังถูกร่างขึ้นมาหลังจากแผนแรกที่ทำได้ทะลุเป้าหมายชนิดที่ไม่ใช่เรื่องฟลุก แต่คือของจริง!!