มติมหาเถรฯชี้ "ธัมมชโย" ไม่ปาราชิก อ้างคดียุติแล้ว

มหาเถรสมาคมอุ้ม "ธัมมชโย" มีมติให้ไม่ต้องอาบัติปาราชิก เหตุคดีถือครองที่ดินยุติในศาลชั้นต้นแล้ว ไม่มีการยื่นอุทธรณ์

เมื่อวันที่ 10 ก.พ. ที่ประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) ที่มี สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เป็นประธาน ได้พิจารณา กรณีที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)  มีหนังสือสอบถามเรื่องการ ดำเนินการกับพระเทพญาณมหามุนี (พระธัมมชโย) เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ที่ต้องอาบัติปาราชิกจาก คดียักยอกเงินและที่ดิน ตามพระลิขิตของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชลงวันที่ 10 พ.ค.2542 ซึ่งมีมติของ มส.รับรองแล้ว

ภายหลังการประชุม สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ได้แจ้งว่า ที่ประชุม มหาเถรสมาคม ได้มีมติเรื่องดังกล่าวว่า พระธัมมชโย ไม่ต้องอาบัติปาราชิก เนื่องจาก คดียักยอกเงินและที่ดินตามพระลิขิตสมเด็จพระสังฆราชนั้น เรื่องได้ยุติที่ศาลชั้นต้นแล้ว รวมทั้งไม่มีการยื่นอุทธรณ์

ด้าน นายชยพล พงษ์สีดา รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า ที่ประชุมมหาเถรสมาคมได้เห็นชอบร่างหนังสือชี้แจงดีเอสไอในกรณีดังกล่าว โดยจะส่งไปไม่เกินวันที่ 12 ก.พ.นี้

ร่างหนังสือมีใจความสำคัญว่า พศ.และ มส.ได้ตอบสนองต่อพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราช กรณีพระธัมมชโยอย่างเต็มที่ ซึ่งในช่วงปี 2542 - 2544 มส.ได้มีการประชุมหารือในเรื่องนี้นับ 100 ครั้ง

ทั้งนี้การดำเนินคดีทางสงฆ์ ตามพ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2535 หากเปรียบในคดีทางโลกจะเริ่มต้นจากศาลชั้นต้น โดยมีเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี รองเจ้าคณะภาค และเจ้าคณะภาค ร่วมกันพิจารณา ซึ่งในช่วงปี 2542 ที่มีการยื่นฟ้องคดีทางสงฆ์กล่าวหาพระธัมมชโยนั้น คณะพิจารณาของศาลชั้นต้นทางสงฆ์ไม่รับคำร้องของผู้ยื่นฟ้องคดี เนื่องจากคำร้องไม่สมบูรณ์และศาลชั้นต้นทางสงฆ์ได้เปิดโอกาสให้อุทธรณ์ภายใน 30 วัน แต่ผู้ยื่นฟ้องคดีไม่มายื่นอุทธรณ์และได้ถอนฟ้องไป 1 คน ทำให้การพิจารณาคดีในทางสงฆ์ต้องยุติลง

"เมื่อคดียุติลงจึงไม่มีการพิจารณาไปถึงกระบวนการที่ชี้ชัดว่า พระธัมมชโย อาบัติ ปาราชิก หรือไม่ ดังนั้น คดีทางสงฆ์จึงไปไม่ถึงการพิจารณาในขั้นเจ้าคณะใหญ่หนกลาง และมหาเถรสมาคม"นายชยพลกล่าว

อย่างไรก็ตามผู้ยื่นฟ้องคดีทางสงฆ์ ได้ยื่นฟ้องคดีทางโลกไปพร้อมกันด้วย แต่ต่อมาผู้ร้องได้ขอถอนฟ้อง ส่งผลให้คดีสิ้นสุดลงเช่นกัน