กรมศิลป์ เร่งอนุรักษ์วังบ้านหม้อ
คนทั่วไปในปัจจุบันรู้จักย่านบ้านหม้อ ว่าเป็นแหล่งค้าขายเพชร เครื่องใช้ไฟฟ้า อะไหล่ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
โดย...ประชาสัมพันธ์ กรมศิลป์
คนทั่วไปในปัจจุบันรู้จักย่านบ้านหม้อ ว่าเป็นแหล่งค้าขายเพชร เครื่องใช้ไฟฟ้า อะไหล่ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และทุกคนอาจไม่ทราบว่าในย่านนั้นเป็นที่ตั้งวังของเจ้านาย ที่รู้จักกันในนามวังบ้านหม้อ
วังบ้านหม้อ ตั้งอยู่ริมถนนอัษฎางค์ ริมคลองคูเมืองเดิม ฝั่งตรงข้ามกับศาลเจ้าพ่อหอกลอง ซึ่งมีร้านค้าและแผงรับซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าตั้งอยู่โดยรอบ
อนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร พร้อมด้วย ศิริชัย หวังเจริญตระกูล ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านวิทยาศาสตร์ กิตติพันธ์ พานสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักสถาปัตยกรรม วิศวกร และสถาปนิก ของกรมศิลปากร ลงพื้นที่ตรวจสอบวังบ้านหม้อ เมื่อวันที่ 13 ม.ค. 2559 เวลา 13.30 น.
วังบ้านหม้อ ได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน (ท้องพระโรง อาคารเก่า ศาลา) ในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 106 ตอนที่ 26 ลงวันที่ 14 ก.พ. 2532 เป็นสถาปัตยกรรมในยุคต้นกรุงรัตนโกสินทร์ และเคยเป็นที่ประทับของเจ้านายหลายพระองค์ โดยมี ม.ล.ภัทราธร จิรประวัติ และ ฐิติศักดิเทพ กุญชร ณ อยุธยา ทายาทเจ้าของวัง ให้การต้อนรับ
อธิบดีกรมศิลปากรเปิดเผยภายหลังการตรวจสอบว่า ได้สั่งการให้สำนักสถาปัตยกรรมเร่งสำรวจสภาพความเสียหายและจัดทำแบบสภาพปัจจุบัน เพื่อพิจารณาแนวทางการอนุรักษ์อย่างเร่งด่วน เนื่องจากขณะนี้สถาปัตยกรรมดังกล่าวมีสภาพทรุดโทรม อันเนื่องมาจากปัญหาความชื้นสะสมและหลังคารั่วซึม นอกจากนี้ยังได้สั่งการให้ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านวิทยาศาสตร์ศึกษาแนวทางการฟื้นคืนสภาพของจิตรกรรมฝาผนังที่อยู่ภายใน ซึ่งมีอายุกว่า 150 ปีอีกด้วย
- วังบ้านหม้อlประวัติ
ในปี 2374 ตรงกับรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เกิดไฟไหม้วังกรมหมื่นสุนทรธิบดี ตลอดไปจนถึงบ้านหม้อ ทำให้เกิดพื้นที่ว่างในที่ซึ่งไฟไหม้ พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระพิทักษ์เทเวศร์ (พระองค์เจ้ากุญชรในรัชกาลที่ 2) จึงทรงย้ายวังจากริมถนนพระพิพิธฟากเหนือตรงข้ามวัดพระเชตุพนฯ มาสร้างใหม่ตรงพื้นที่ว่างนั้น และได้เสด็จประทับที่วังนี้มาจนสิ้นพระชนม์ในสมัยรัชกาลที่ 4 พระโอรสองค์ใหญ่ คือ หม่อมเจ้าชายสิงหนาท ซึ่งได้รับการสถาปนาเป็นพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสิงหนาทราชดุรงค์ฤทธิ์ ในรัชกาลที่ 5 และหม่อมเจ้าในกรมได้ประทับต่อมา
เมื่อพระองค์เจ้าสิงหนาทฯ สิ้นพระชนม์ในปี 2423 เจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ (ม.ร.ว.หลาน กุญชร) บุตรพระองค์เจ้าสิงหนาทฯ ได้อยู่ต่อมา เมื่อเจ้าพระยาเทเวศร์ฯ ถึงแก่อนิจกรรม พระยาศรีกฤดากร (ม.ล.วราห์ กุญชร) บุตรเจ้าพระยาเทเวศร์ฯ ซึ่งต่อมาได้เป็นพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ได้ครอบครองต่อมาจนปัจจุบัน วังบ้านหม้อตกอยู่ในความครอบครองของ ม.ล.แฉล้ม กุญชร ธิดาคนที่ 27 ของเจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์
- ลักษณะทางสถาปัตยกรรม และศิลปกรรม
1.ท้องพระโรง เป็นท้องพระโรงหลังคาชั้นเดียวแบบไทย หลังคาเครื่องไม้มุงกระเบื้องไทย ช่อฟ้า นาคลำยอง หางหงส์ อ่อนช้อยงดงาม มีหน้ากระดานคอสองคั่นระหว่างหลังคากับลาดหลังคา ท้องพระโรงยกพื้นสูง ใต้ถุนก่อปูนทึบ เจาะช่องลมรูปรีตามแนวดิ่ง ด้านสกัดของท้องพระโรง ด้านที่หันออกถนนอัษฎางค์มีเกยหินอ่อน เพราะท่านเจ้าของวังเคยว่ากรมช้างม้า
ด้านหน้าท้องพระโรงหันสู่ทิศเหนือ มีเฉลียงประกอบด้วยราวลูกกรงยาวตลอด ท้องพระโรงมีประตูหน้าต่าง แต่งไม้สลักลาย กรอบหน้าต่างแต่งกรอบในตัดมุมมนน้อยๆ กรอบนอกหักมุมฉาก สลักกรอบเป็นร่องยาว
กรอบล่างแต่งไม้ฉลุลายเถาดอกพุดตาน ภายในท้องพระโรง เป็นโถงยาว เฉพาะตอนในกั้นเป็นห้องในสำหรับพักก่อนออกท้องพระโรง ขอบฝาห้องตอนล่างแต่งไม้สลักลาย บานประตูสู่ห้องในและบานประตูใหญ่สู่เฉลียงหลัง เขียนสีรูปม่านสองไข มีพวงมาลัยห้อยกรอบบนสลักลายเถาพุดตานปิดทองล่องชาด กรอบประตูสลักเป็นรูปเกลียวเชือกชั้นหนึ่ง และแกะสลักลายอีกชั้นหนึ่งกรอบล่างประตูหน้าต่างด้านในสลักลายเถาไม้ดอกเช่นกัน
ภายในท้องพระโรงตั้งที่บูชา พระเสลี่ยง ตั่ง ของเดิมล้วนสร้างด้วยไม้สลักลาย ปิดทองประดับกระจก ผนังด้านที่กั้นท้องพระโรงกับเฉลียงหลังติดรูปเจ้าของวังตั้งแต่พระองค์แรก จนถึงพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์
ห้องในเก็บพระอัฐิของบรรพบุรุษของราชสกุลกุญชร ตั้งแต่พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระพิทักษ์เทเวศร์
ในอดีตเจ้าของวังใช้ท้องพระโรงออกบัญชาข้อราชการและเป็นที่ซ้อมละคร ปัจจุบันปิดรักษาไว้ ใช้อยู่อาศัยเฉพาะที่เฉลียงหลัง
2.ศาลาหน้าท้องพระโรง ตั้งอยู่เยื้องมาทางถนนอัษฎางค์ เป็นศาลาไทย หลังคามุงกระเบื้องไทย ประกอบด้วยหน้ากระดานคอสองค่อนข้างสูง เชิงชายหลังคาและลาดหลังคาประดับไม้ฉลุลาย
3.เก๋งด้านหลังท้องพระโรง ปัจจุบันเหลืออยู่เพียงหลังเดียว รื้อลงไปหลังหนึ่ง เพราะชำรุดผุพังมากเกินกว่าจะปฏิสังขรณ์ได้ เป็นตึกยาวใต้ถุนสูง หลังคามุงกระเบื้องแบบจีน ผนังแต่งเสาอิงทรงสี่เหลี่ยม มีหัวเสาสี่เหลี่ยมแบบเรียบ ใช้เป็นที่อยู่อาศัย
- ประกาศขึ้นทะเบียน
ประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถาน (ท้องพระโรง อาคารเก่า ศาลา) ในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 106 ตอนที่ 26 ลงวันที่ 14 ก.พ. 2532
ที่มาข้อมูล http://www.gis.finearts.go.th


