posttoday

พระพุทธรูป โลหะสำริด สูงที่สุดในประเทศไทย

10 มกราคม 2559

เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 2558 สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม

โดย...ส.สต

เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 2558 สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์เพื่อทรงเป็นประธานในพิธีสมโภชพระพุทธเมตตาประชาไทย ไตรโลกนาถ คันธารราฐอนุสรณ์ ในพระบรมราชินูปถัมภ์  ณ วัดทิพย์สุคนธาราม ต.ดอนแสลบ อ.ห้วยกระเจา จ.กาญจนบุรี ท่ามกลางความปลื้มปีติของปวงชนชาวไทย นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้

พระสำริดสูงสุดในไทย

พระพุทธเมตตาประชาไทย เป็นพระพุทธรูปปางขอฝนศิลปะแบบคันธาระ สูง 32 เมตร ซึ่งสูงที่สุดในประเทศไทย หล่อด้วยโลหะสำริด (Bronze) ที่มีเนื้อบาง ซึ่งนับว่าเป็นผลงานสร้างพระพุทธรูปที่สะท้อนความเจริญทางนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่มีความทันสมัยมากที่สุดแห่งยุค

ส่วนแท่นประทับระดับเหนือดินสูง 8 เมตร ลึกลงไปในดิน 4.5 เมตร ฐานแปดเหลี่ยม มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 9 เมตร ซึ่งแท่นนี้สามารถรับน้ำหนักได้ 900 ตัน รองรับแผ่นดินไหวได้ 9 ริกเตอร์ ทั้งนี้เพราะที่ตั้งองค์พระอยู่ในจุดเสี่ยงที่จะเกิดแผ่นดินไหว เนื่องจากอยู่ใกล้กับรอยเลื่อนเจดีย์สามองค์ และรอยเลื่อนศรีสวัสดิ์ รวมทั้งอันตรายจากแรงลมธรรมชาติ ในการนี้ทีมวิศวกรจึงได้นำพระพุทธรูปต้นแบบทดสอบในอุโมงค์ลม ซึ่งรับผิดชอบโดย ดร.เป็นหนึ่ง วานิชชัย ผู้เชี่ยวชาญแห่งสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (Asian Institute of Technology : AIT) ก่อนหล่อองค์พระ เพื่อหาทางป้องกันไว้ก่อน

พระพุทธรูป โลหะสำริด สูงที่สุดในประเทศไทย

 

คงทนพันปี

นอกจากนั้น ยังพิถีพิถันในการสรรหาวัสดุที่นำมาใช้ในการหล่อพระพุทธรูป โดยช่างได้เลือกโลหะสำริดเป็นวัสดุหลัก เนื่องจากซิลิกอน บรอนซ์ หรือโลหะสำริดจัดเป็นโลหะที่มีความแข็งแรงเป็นพิเศษ ซึ่งหลอมรวมเข้าด้วยกันในอุณหภูมิ 1,200 องศาเซลเซียส  มีคุณสมบัติแข็งแรงทนต่อการสึกกร่อนในทุกสภาพอากาศ ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ส่งเสริมให้พื้นผิวองค์พระมีความมั่นคงแข็งแรง สามารถอยู่ได้นานนับพันปี ตามเป้าหมายที่วางไว้

เพื่อความมั่นใจในความมั่นคงแข็งแรง ทีมงานวิศวกรจากบริษัท SCG ซึ่งเป็นที่ปรึกษาได้ตรวจทุกขั้นตอนในการหล่อโลหะ รวมทั้งสุ่มตรวจน้ำจากโลหะจากเตาหลอมเพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีโลหะอื่นปลอมปนผสมเข้าไปในระหว่างการหลอมรวม

สร้างเสร็จใน 994 วัน

การก่อสร้างพระพุทธรูปประวัติศาสตร์ ภายใต้พระบรมราชินูปถัมภ์ เริ่มเมื่อวันที่ 22 ส.ค. 2554 แล้วเสร็จเมื่อเดือน ธ.ค. 2557 จึงได้องค์พระพุทธรูปยืนโลหะสำริดปางขอฝนที่สูงที่สุดในประเทศไทย คือ มีความสูง 32 เมตร น้ำหนักสำริดรวม 65 ตัน หรือ 65,000 กิโลกรัม สร้างจากชิ้นส่วนโลหะสำริดมากกว่า 1,800 ชิ้น  แต่ละชิ้นมีน้ำหนัก  50 กิโลกรัม จำนวนเม็ดพระศก (เส้นผม) 350 เม็ด พื้นที่ผิวองค์พระมีทั้งหมด 1,200 ตารางเมตร ผิวสำริดหนาเพียง 5 มิลลิเมตร ใช้เวลาก่อสร้างองค์พระ และฐานรวมทั้งสิ้น 994 วัน

สร้างแทนบามิยัน

พระเถระที่เป็นต้นคิดในการสร้างพระพุทธเมตตาประชาไทย ได้แก่ สมเด็จพระมหาธีราจารย์ (นิยม ฐานิสฺสโร ป.ธ.9) อดีตเจ้าอาวาสวัดชนะสงครามกรุงเทพมหานคร ได้แรงบันดาลใจในการสร้างพระพุทธรูปองค์นี้ หลังจากกลุ่มตาลีบัน ที่เป็นมุสลิมปกครองประเทศอัฟกานิสถาน ในปี พ.ศ. 2544 ได้ใช้ปืนใหญ่ยิงทำลายพระพุทธรูปโบราณ อายุ 2,000 กว่าปี ที่แกะสลักจากศิลาที่หน้าผาสูง 2,500 เมตร ที่หุบเขาบามิยัน ประเทศอัฟกานิสถาน ที่รู้จักกันในนามพระพุทธรูปบามิยัน  ยูเนสโกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก แต่ตาลีบันอ้างว่าเป็นรูปเคารพที่ขัดต่อหลักศาสนาอิสลาม จึงทำลาย สมเด็จท่านจึงออกแบบองค์พระตามแบบพระพุทธรูปที่บามิยัน ประเทศอัฟกานิสถานนั้น เป็นพระพุทธรูปยืนตรง (สมภังคะ) ครองจีวรห่มคลุม พระหัตถ์แสดงปางขอฝน ด้วยการยกพระหัตถ์ขึ้น หันฝ่าพระหัตถ์ออกในระดับพระอุระ (อก) เป็นกิริยากวักเรียกฝน พระหัตถ์ซ้ายยกหงายขึ้นในระดับโสณิ (สะโพก)  เป็นกิริยารองรับน้ำฝน พระพุทธรูปลักษณะนี้ ศิลปะไทยสมัยรัตนโกสินทร์ เรียกว่า พระพุทธรูปปางคันธารราฐ 

ที่ตั้งองค์พระ ได้แก่ วัดทิพย์สุคนธาราม ต.ดอนแสลบ อ.ห้วยกระเจา จ.กาญจนบุรี ที่ ฉันท์ทิพย์ กลิ่นโสภณ และครอบครัว ถวายสมเด็จพระมหาธีราจารย์ จำนวน 319 ไร่ 2 งาน 2 วา เพื่อสร้างวัด ชื่อวัดจึงมีชื่อผู้ถวายเพื่อเป็นที่ระลึก  และสมเด็จพระมหาธีราจารย์ได้ตั้งชื่อพระพุทธรูปยืนองค์ที่ตั้งที่วัดนี้ว่าพระพุทธเมตตาประชาไทย ไตรโลกนาถ คันธารราฐอนุสรณ์ โดยมีความหมาย 3 ประการ 1.เป็นพระพุทธรูปที่พึ่งของชาวไทยและชาวโลก 2.เป็นพระพุทธรูปที่พึ่ง 3 โลก คือ โลกสวรรค์ โลกมนุษย์ และยมโลก และ 3.เป็นพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงพระพุทธรูปแห่งบามิยัน ประเทศอัฟกานิสถาน

พระบรมราชินีทรงอุปถัมภ์

ในขณะที่โครงการกำลังดำเนินอยู่ในขั้นเริ่มต้น สมเด็จพระมหาธีราจารย์ ได้ถวายพระพรต่อสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ถึงความตั้งใจในการสร้างพระพุทธรูปสำคัญองค์นี้ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม รับโครงการนี้ไว้ในพระบรมราชินูปถัมภ์ เมื่อวันที่ 12 พ.ค. 2554

พลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี กล่าวว่า การดำเนินการโครงการต่างๆ หลังจากนั้นสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ด้วยความร่วมมือจากผู้จงรักภักดี และทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ที่รับสนองพระราชเสาวนีย์

สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ (สมศักดิ์) กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ซึ่งเป็นศิษย์ใกล้ชิดรูปหนึ่งของสมเด็จพระมหาธีราจารย์ ประธานอำนวยการฝ่ายบรรพชิต ยืนยันว่า การสร้างพระพุทธรูปเป็นพรพิเศษในตัวเจ้าพระคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์  เมื่อดำริจะสร้างพระพุทธรูปองค์นี้ ได้ตั้งใจทำในสิ่งนั้นให้สำเร็จด้วยดี จึงศึกษาศิลปะปางขอฝนจากสถานที่ต่างๆ โดยยึดแบบพระพุทธรูปสมัยคันธาระเป็นหลัก

ที่รวมความอัศจรรย์

วัดทิพย์สุคนธาราม นอกจากเป็นศูนย์รวมศรัทธาของชาวพุทธแห่งหนึ่ง ยังเป็นที่รวมความอัศจรรย์ ที่จะเกิดขึ้นในพื้นที่แห่งนี้ที่เเห้งแล้งตลอด เพราะจากนี้ไปจะไม่แห้งแล้งอีกแล้ว นอกจากพระพุทธรูปปางขอฝนที่อาจบันดาลให้ฝนตกแล้ว ทางโครงการได้สร้างอ่างเก็บน้ำตามแนวพระราชดำริอีก 3 อ่าง พร้อมทั้งพุทธอุทยานบนเนื้อที่ 171 ไร่ และสวนป่าที่เพียบพร้อมด้วยพรรณไม้ในพระพุทธศาสนา ที่อยู่
โดยรอบลาน ประทักษิณ โดยจัดแต่งต้นไม้แบบฝรั่งเศส เช่น ทำบาร์แตร์ (Bartterre) ตัดแต่งพันธุ์ไม้ให้เป็นรูปเรขาคณิต เน้นมุมมองการจัดสวนที่ตามแบบแผนที่มีความสมมาตร เส้นสายที่เป็นระเบียบ ขนาดที่สัมพันธ์กับสัดส่วนของมนุษย์ และให้ความรู้สึกที่มีชีวิตชีวา

ด้วยความลงตัวในหลายประการ ทั้งศรัทธา ภูมิปัญญา และวิวัฒนาการเชิงช่าง ที่ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่มารังสรรค์ให้พระพุทธปฏิมาศิลปะคันธารราฐ สมัยรัชกาลที่ 9  เป็นพระมหาปฏิมาแห่งประจิมทิศ ได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งเป็นศรีสง่าของไทย และความภูมิใจของชาวพุทธชั่วกัลปาวสาน

ข่าวล่าสุด

ไทยเบฟคว้า 2 รางวัลอาหารจากเวที RED TABLE AWARDS 2025