Shizuoka 6

เราออกจากสวน 4 ฤดูก่อนเที่ยงเล็กน้อยเพื่อไปทานอาหารกลางวัน ระหว่างทางผ่านอุโมงค์ต้นซากุระ เสียดายช่วงที่เราไปดอกยังไม่บาน เพราะจินตนาการแล้วคงพรึ่บมาก อย่างนี้ต้องปักหมุดรอไว้ค่อยมาเก็บใหม่ในโอกาสหน้า

เรานั่งรถไปราวๆ 15 นาที ก็ถึงที่ร้าน Manboutei (อ่านว่า มัมโบเท) ที่มีรูปปลาพระอาทิตย์เหมือนชื่อร้านเป็นสัญลักษณ์ให้เห็นเด่นแต่ไกล แน่นอนว่าอาหารจานหลักของที่นี่ก็คือปลา และปลาเด่นของร้านนี้เห็นทีจะไม่มีใครเกิน ปลา Kinmedai ซึ่งเป็นปลาขึ้นชื่อของแถบ Izu ปลาคิมเมไดเป็นหนึ่งในหลายชนิดของสายพันธุ์ปลาไท (Tai) หรือปลากะพง ถือว่าเป็นปลาชั้นดีลำดับต้นๆ ของตระกูลเลยก็ว่าได้ เพราะราคาเหนือชั้นกว่าญาติๆ ส่วนใหญ่ ส่วนรสชาติก็น่าจะใกล้เคียงกับปลากะพงแดง

ปลาคิมเมไดมีลักษณะเด่นตรงตัวเป็นสีแดงอมส้มที่จัดจ้านและขนาดของตาที่ใหญ่เป็นพิเศษ ตรงส่วนที่ควรจะเป็นตาขาวกลับเป็นสีทอง แถมมีรสชาติอร่อย จะทานสดๆ แบบซาชิมิก็ได้ นำไปปรุงอาหารก็ดี หรือจะเอาไปตากเป็นปลาแดดเดียวก็ได้ เคยเห็นบ่อยๆ ตามตลาดขายอาหารทะเล บางร้านที่มีเมนูปลาคิมเมไดย่างก็มักจะเป็นปลาแดดเดียวนี่แหละ ย่างทานกับข้าวญี่ปุ่นร้อนๆ อร่อยสุดๆ เอาโอโทโระมาแลกยังคิดหนักเลยครับ

เมนูที่ห้ามพลาดของร้านมัมโบเทคือ ปลาคิมเมไดนึ่งซีอิ๊ว เดินเข้าร้านมากี่ทีก็ต้องเห็นเมนูนี้แทบจะทุกโต๊ะ ครั้งแรกที่ผมมาบังเอิญเหลือบไปเห็นคุณลุงท่านนึงนั่งทานอย่างออกรส เลยลองสั่งมาทานดูบ้าง โอ้โห! อร่อยมาก รู้เลยครับว่าทำไมคุณลุงแกทานได้เกลี้ยงเกลาจนเหลือแต่ก้าง ก็เพราะซีอิ๊วมันซึมเข้าไปในทุกอณูของเนื้อปลาที่แน่นแต่นุ่มเพราะความสด จากที่เคยติดใจปลาคิมเมไดแดดเดียวย่าง ตอนนี้เลยมีอีกหนึ่งเมนู แต่ก็ไม่ใช่จะหาทานกันได้ง่ายๆ เพราะจะนึ่งปลาให้ซีอิ๊วซึมจนทั่วโดยที่เนื้อไม่เละนั้นต้องฝีมือจริงๆ ปลาต้องสดไฟต้องพอดีและมีเวลาปรุงล่วงหน้านานๆ

นอกจากปลาคิมเมไดแล้ว อีกหนึ่งเมนูที่อยากให้ลองคือ กุ้งซากุระ (Sakura Ebi) กุ้งซากุระเป็นกุ้งขนาดเล็กที่มีความยาวราว 5 เซนติเมตร ลำตัวโปร่งแสงแต่ออกเป็นสีชมพูเลยถูกเรียกว่ากุ้งซากุระ เป็นสัตว์เศรษฐกิจของเมืองท่าริมอ่าว Sugaru โดยเฉพาะเมืองยูอิ (Yui) เพราะอ่าว Sugaru เป็นแหล่งที่มีกุ้งซากุระชุมที่สุด และเป็นเพียงแหล่งเดียวในญี่ปุ่นที่อนุญาตให้จับได้

ฤดูจับกุ้งจะอยู่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิและใบไม้ร่วง ใครอยากจะทานของสดๆ ก็ต้องมาในเวลานั้น ช่วงอื่นๆ ก็มีแต่เป็นแบบตากแห้ง เพราะเพียงช่วงเวลาที่อนุญาตนั้นสามารถจับกันได้มากถึงปีละ 2,000 ตัน จนต้องนำส่วนที่เกินมาตากแห้ง และในระหว่างที่ตากนั้นทั่วทั้งหาดจะกลายเป็นสีชมพูสดจากตัวกุ้ง โดยเฉพาะในเดือน มี.ค. ถึง เม.ย. ซึ่งเป็นช่วงที่ซากุระบาน จะเกิดปรากฏการณ์ชมพูทั้งแผ่นดินจากกุ้งซากุระและดอกซากุระ

กุ้งซากุระนำไปทำอาหารได้หลากหลายตั้งแต่ทานสดๆ แบบซาชิมิ หรือซูชิ นำไปต้มแล้วจิ้มกับมายองเนส เอาไปดองน้ำส้ม หรือจะทำซุปก็ได้ แต่ที่ผมติดใจสุดๆ คือ นำไปชุบแป้งทอดแบบเทมปุระหรือ Kakiage กรอบๆ เค็มๆ มันๆ กินกันเพลินเลย ใครชอบกุ้งฝอยทอดเป็นแพแบบบ้านเรา ลองสั่ง Sakura Ebi Kakiage มาทาน รับรองว่าจะติดใจ กินกันแบบหยุดไม่ได้ต้องสั่งเพิ่มเลยครับ