posttoday

ดร.บุญยง ว่องวานิช คนต้นแบบที่ใช้หลักธรรมบริหารธุรกิจ

27 ธันวาคม 2558

ถ้ากล่าวว่า ดร.บุญยง ว่องวานิช เจ้าของห้างขายยาอังกฤษตรางู อดีตประธานกรรมการบริหารเครือธุรกิจว่องวานิช

โดย...สมาน สุดโต

ถ้ากล่าวว่า ดร.บุญยง ว่องวานิช เจ้าของห้างขายยาอังกฤษตรางู อดีตประธานกรรมการบริหารเครือธุรกิจว่องวานิช เป็นคนต้นแบบที่ใช้หลักธรรมของพระพุทธศาสนาบริหารธุรกิจจนเจริญรุ่งเรือง ต้องไม่มีใครปฏิเสธแน่นอน เพราะ ดร.บุญยง บริหารธุรกิจเชิงธรรม โดยใช้ปรัชญา “คุณธรรมนำธุรกิจ” จนเติบโตรุ่งเรืองยั่งยืนตลอดมา นับแต่รับช่วงบริหารจากพ่อล้วน ว่องวานิช ในช่วงสงครามมหาเอเชียบูรพา ขณะที่ยังอยู่ในวัยรุ่น

ดร.บุญยง เกิดวันที่ 26 ม.ค. 2468 เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร เป็นบุตรชายคนที่ 2 ของหมอล้วนและนางเพิ่มพูล ว่องวานิช จบการศึกษาจากโรงเรียนอัสสัมชัญ  จากนั้นก็ไปศึกษาต่อที่วิทยาลัยเซนต์
สตีเฟ่นที่ฮ่องกง มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ประเทศสหรัฐอเมริกา มหาวิทยาลัยอินเดียน่า ประเทศสหรัฐอเมริกา และได้รับพระราชทานปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง เมื่อปี 2531

ดร.บุญยง เป็นนักธุรกิจที่มีความคิดในการทำธุรกิจที่แตกต่างไปจากนักธุรกิจอื่นโดยสิ้นเชิง คือเขาเอาธรรมะกับธุรกิจมาบูรณาการเข้าด้วยกัน ซึ่งผู้คนส่วนใหญ่คิดว่าสองเรื่องนี้เป็นเส้นขนานที่ไม่อาจอยู่ร่วมกันได้ แต่สำหรับ ดร.บุญยง กลับไม่คิดอย่างนั้น ท่านเคยพูดไว้ว่า “ปัจจุบันคนส่วนมากเข้าใจผิดคิดว่า ธรรมะกับธุรกิจ สองอย่างนี้ไปด้วยกันไม่ได้ ธุรกิจต้องฉวยโอกาส ต้องเฉือนกันให้ถึงที่สุด ให้ได้กำไรมากๆ ไม่ควรมีธรรมะเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะในด้านธรรมะนั้น มีแต่เห็นใจ มีแต่ความเมตตา กรุณา มุทิตา และ อุเบกขา ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ผมเป็นนักธุรกิจที่ได้ศึกษาธรรมะมาบ้างตามสมควร ผมคิดเอาเองว่าเป็นหน้าที่ของผมที่จะออกมาทำความเข้าใจว่าธุรกิจนั้นขาดธรรมะไม่ได้”

ดร.บุญยง ว่องวานิช คนต้นแบบที่ใช้หลักธรรมบริหารธุรกิจ ดร.บุญยง เมื่ออุปสมบทครั้งที่ 3 ณ พระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร

 

ดร.บุญยง เป็นผู้สนใจในพระพุทธศาสนา เพราะบิดามารดาได้อบรมสั่งสอนให้อยู่ในแนวทางแห่งกุศลกรรมบถ จึงเติบโตมาบนเส้นทางธรรมะและการสร้างบุญสร้างกุศลตลอด

นอกจากนั้น ดร.บุญยง ยังพบกัลยาณมิตรอีก 2 ท่าน คือ สุพจน์ แสงสมบูรณ์ เพื่อนนักเรียนอัสสัมชัญ และ เสถียร โพธินันทะ นักวิชาการศาสนา ทั้งหมดอยู่ในวัยรุ่น ได้ร่วมกันก่อตั้งชมรมชาวพุทธ ในนามคณะยุวพุทธิกะ (Young Buddhist Group) ทั้งๆ ที่ ดร.บุญยง อายุเพียง 23 ปีเท่านั้น และต่อมาได้จดทะเบียนเป็นยุวพุทธิกสมาคม และได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ รับยุวพุทธิกสมาคมไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ จึงได้ชื่อว่า ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เมื่อวันที่ 17 มี.ค. 2503 นับเป็นองค์กรที่ส่งเสริมพระพุทธศาสนาองค์กรหนึ่ง ที่มีความเข้มแข็งเป็นเสาหลักองค์กรพุทธของประเทศมาจนถึงปัจจุบัน

ไม่ใช่แค่นำหลักธรรมไปใช้ในการบริหารธุรกิจเท่านั้น แต่ ดร.บุญยง ยังได้เข้าอุปสมบทในพระพุทธศาสนาถึง 3 ครั้ง นับเป็นบุคคลที่ใฝ่ในธรรมะด้วยศรัทธาล้นเปี่ยม

ครั้งแรกอุปสมบทเมื่ออายุ 32 ปี ในยุคกึ่งพุทธกาล หรือ 25 พุทธศตวรรษ พ.ศ. 2500 ณ พระอุโบสถวัดเทพศิรินทราวาส เพื่ออุทิศถวายพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นเวลา 5 สัปดาห์ ครั้งที่ 2 อุปสมบทเมื่ออายุ 39 ปี พ.ศ. 2507 ณ พระอุโบสถวัดเทพศิรินทราวาส เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับบิดา คือคุณหมอล้วน ว่องวานิช ที่ได้ถึงแก่กรรม  เป็นเวลา 3 เดือน

ดร.บุญยง ว่องวานิช คนต้นแบบที่ใช้หลักธรรมบริหารธุรกิจ ดร.บุญยง ว่องวานิช

 

ครั้งที่ 3 อุปสมบทเมื่ออายุ 72 ปี เมื่อวันที่ 1 พ.ค. 2539 ณ พระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร โดยตั้งใจอุปสมบทตลอดชีวิต เพื่อถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงครองราชย์ครบ 50 ปี และต้องการสร้างโลกียทรัพย์ให้เป็นอริยทรัพย์ แต่น่าเสียดายที่ผ่านไป 3 พรรษา เกิดอาพาธ ทายาทจึงขอให้ลาสิกขา เพื่อนำมารักษาพยาบาลอย่างใกล้ชิดที่บ้าน

สำนักพิมพ์อมรินทร์ธรรมะ ยกย่อง ดร.บุญยง ว่าเป็นตัวอย่างบุคคลผู้มีประวัติชีวิตที่ควรค่าต่อการเรียนรู้ในหลายๆ ด้าน ทั้งในฐานะนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งยวด  ในการแผ่ขยายฐานธุรกิจมูลค่าร้อยล้านไปสู่ธุรกิจพันล้าน เขาเป็นต้นแบบผู้นำองค์กรที่มีวิสัยทัศน์อันยาวไกล ใช้ธรรมะเป็นแกนหลักในการดำเนินนโยบายด้านการบริหารธุรกิจและบริหารทรัพยากรบุคคล เป็นต้นแบบของนักธุรกิจที่คืนกำไรสู่สังคม ก่อนที่นิยามคำว่าธุรกิจแบบ “น่านน้ำสีขาว” จะถูกปลุกกระแสขึ้นในสังคมไทย

ดร.บุญยง ว่องวานิช คนต้นแบบที่ใช้หลักธรรมบริหารธุรกิจ ดร.บุญยง ว่องวานิช กับครอบครัว

 

ดร.บุญยง ว่องวานิช ได้ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 23 ก.ค. 2558 สิริอายุ 91 ปี น้อง-บุตร-หลาน ได้บำเพ็ญกุศลศพ ณ วัดธาตุทอง

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ไปพระราชทานเพลิงศพ ในวันจันทร์ที่ 4 ม.ค. 2559 เวลา 17.30 น. ณ เมรุวัดธาตุทอง

ปณิธานและเจตนารมณ์ของ ดร.บุญยง คนต้นแบบ เหมือนแสงอมตะที่ไม่มีวันดับ เมื่อทายาทก็ดี ยุวพุทธก็ดี ตลอดถึงโยคีผู้ปฏิบัติธรรม จุดต่อและส่งต่อ กลายเป็นแสงธรรมนำชีวิต ที่ไม่มีสิ้นสุด

ข่าวล่าสุด

ศาลชั้นต้น พิพากษาประหารชีวิต “เชษฐ์ปาดัง” เลขานายกปาดังเบซาร์