ปปช.เลือก "พล.ต.อ.วัชรพล"เป็นประธานคนใหม่
"วัชรพล ประสารราชกิจ" นั่ง ประธาน ป.ป.ช.คนใหม่ฉลุยทิ้งขาด "ปรีชา เลิศกมลมาศ" ลูกหม้อ ป.ป.ช.7-2 เสียง
"วัชรพล ประสารราชกิจ" นั่ง ประธาน ป.ป.ช.คนใหม่ฉลุยทิ้งขาด "ปรีชา เลิศกมลมาศ" ลูกหม้อ ป.ป.ช.7-2 เสียง
ที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติหรือ ป.ป.ช.มีมติเลือก พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ กรรมการ ป.ป.ช.เป็นประธานคณะกรรมการ ป.ป.ช.คนใหม่ หลังนายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ หมดวาระ ด้วยคะแนนเสียง 7-2 เหนือนายปรีชา เลิศกมลมาศ โดยทั้งสองคน เป็นกรรมการ 2 ใน 5 คน ที่เพิ่งได้รับการสรรหารและ สนช.มีมติให้ความเห็นชอบแทนกรรมการชุดเก่าครบวาระและอายุครบ 70 ปี
โดยการประชุมเริ่มขึ้นเมื่อเวลประมาณ 09.15 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ถนนสนามบินน้ำ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี โดยที่ประชุมมีนายปรีชาซึ่งเป็นอดีตเลขาธิการ ป.ป.ช.ซึ่งมีอายุมากสุดทำหน้าที่ประธานชั่วคราวในการประชุม มีนายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการป.ป.ช. ทำหน้าที่เลขาธิการประชุม
สำหรับคณะกรรมการทั้ง 9 คน ประกอบด้วย กรรมการเก่า 4 คน นายปรีชา เลิศกมลมาศ พล.ต.อ.สถาพร หลาวทอง นายณรงค์ รัฐอมฤต และ น.ส.สุภา ปิยะจิตติ กรรมการใหม่ 5 คน ประกอบด้วย พล.อ.บุณยวัจน์ เครือหงส์ นายวิทยา อาคมพิทักษ์ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ นางสุวณา สุวรรณจูฑะ และนายสุรศักดิ์ คีรีวิเชียร โดยก่อนการประชุม ที่ประชุมได้อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าบันทึกภาพก่อนจะมีการประชุมลับนานประมาณ 1 ชั่วโมง
ต่อมานายสรรเสริญได้ลงมาแถลงผลการประชุมเลือกประธาน ป.ป.ช.คนใหม่ต่อสื่อมวลชนว่า มีผู้แสดงความประสงค์สมัครประธาน ป.ป.ช.จำนวน 2 คนคือ พล.ต.อ.วัชรพลและนายปรีชา ซึ่งที่ประชุมมีติมให้ลงคะแนนลับ ผลปรากฏว่าที่ประชุมมีมติ 7 ต่อ 2 เสียง ให้ พล.ต.อ.วัชรพลเป็นประธานป.ป.ช.คนใหม่ หลังจากนี้สำนักงานเลขาธิการป.ป.ช.จะทำหนังสือเพื่อส่งรายชื่อประธาน ป.ป.ช. และกรรมการใหม่รวม 5 คน ไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อนำความกราบบังคมทูลเพื่อโปรดเกล้าฯให้ดำรงตำแหน่งต่อไป
สำหรับ พล.ต.อ.วัชรพลสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 29 ด้วยคะแนนเป็นอันดับ 1 ของรุ่น มีเพื่อนร่วมรุ่นคือ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว อดีต ผบ.ตร.และรมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หลังสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นได้รับทุนจากรมตำราจไปศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกาจนจบการศึกษาระดับปริญญาเอกด้านอาชญาวิทยา
เส้นทางรับราชการส่วนใหญ่อยู่สายอำนวยการและสายอาจารย์ เคยดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการปราบปรามยาเสพติด ในยุคที่ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ เป็น ผบ.ตร.เขาทำหน้าที่เป็นโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แทน พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ที่ทำหน้าที่ติดต่อกันมาหลายปี ก่อนจะได้รับการผลักดันให้ขึ้นเป็นที่ปรึกษา สบ 10 ครองยศ พล.ต.อ.และ รอง ผบ.ตร.ในยุค พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็น รมว.กลาโหม ในยุคนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี และมีการคาดหมายว่าเขาจะได้รับการผลักดันเป็น ผบ.ตร. แต่พรรคประชาธิปัตย์พ่ายการเลือกตั้งในปี 2554 เส้นทาง สู่เก้าอี้ ผบ.ตร.สิ้นสุดลง
อย่างไรก็ตาม หลังการรัฐประหารของ คสช.22 พฤษภาคม 2557 เขาได้รับความไว้วางใจจาก คสช.ให้รักษาการตำแหน่ง ผบ.ตร.หลังหัวหน้า คสช.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ย้าย พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.เพื่อนร่วมรุ่นที่ไม่ลงลอยกันมาหลายปีในระหว่างการแข่งขันขึ้นเป็นคู่ชิง ผบ.ตร.ไปช่วยรายการสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งทำให้เขา ได้มีโอกาสเสนอชื่อ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รุ่นน้อง นรต.31 นายตำรวจในกลุ่ม "วงษ์สุวรรณ คอนเนกชั่น" ขึ้นเป็น ผบ.ตร.
หลังเกษียณอายุในสิ้นเดือนกันยายนปี 2558 เขาได้รับการแต่งตั้งเป็นรองเลขาธิการนายกฯ(เลขาฯพล.อ.ประวิตร) ก่อนจะลาออกจากตำแหน่งเพื่อมาสมัครเป็นกรรมการ ป.ป.ช.ท่ามกลางกระแสข่าวว่าเขามีใบสั่งจาก คสช.เพื่อมาเป็นประธาน ป.ป.ช.
ภาพประกอบข่าว


