ม.ร.ว.ศุภวัฒย์ วิพากษ์หนังสือประวัติศาสตร์ไทย
โรงละครแห่งชาติ ที่ว่าใหญ่แล้วคับแคบไปถนัด เมื่อผู้คนหลายสาขาอาชีพไม่น้อยกว่า 1,000 คน เข้าฟังเสวนาเรื่อง
โดย...สมาน สุดโต
โรงละครแห่งชาติ ที่ว่าใหญ่แล้วคับแคบไปถนัด เมื่อผู้คนหลายสาขาอาชีพไม่น้อยกว่า 1,000 คน เข้าฟังเสวนาเรื่อง ประวัติศาสตร์ชาติไทย ที่กระทรวงวัฒนธรรมจัดขึ้นในวันที่ 2 ธ.ค. 2558
หลังจาก วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี บรรยายเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ในประวัติศาสตร์ไทย ช่วงเช้าถึงช่วงบ่าย นักพูดส่วนมากไม่อยากพูด เพราะผู้ฟังจะมีอาการท้องตึง หนังตาหย่อน (ง่วง) ยกเว้นคนพูดชื่อ ม.ร.ว.ศุภวัฒย์ เกษมศรี นักประวัติศาสตร์ชั้นนำของแผ่นดินในยุคปัจจุบัน ที่ผู้ฟังตั้งใจฟังด้วยใจจดจ่อว่า ท่านจะวิพากษ์หนังสือประวัติศาสตร์ชาติไทยอย่างไร หลังจากได้ยินนักวิชาการหลายท่านวิจารณ์กันมามาก
หนังสือประวัติศาสตร์ชาติไทย ที่ข้าราชการกระทรวงวัฒนธรรมรวบรวมเรียบเรียง ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ต้องการให้ประชาชนคนไทยรู้รากเหง้าของตนให้มากขึ้น พิมพ์เผยแพร่เมื่อเดือน เม.ย. 2558
ม.ร.ว.ศุภวัฒย์ กล่าวว่า รูปเล่มหนังสือดี ภาพประกอบดี แต่พิมพ์ 1 หมื่นเล่ม น้อยไปเมื่อเทียบกับฉบับ พ.ศ. 2547 ที่มีการจัดพิมพ์หนังสือคล้ายคลึงกันนี้ถึง 7 หมื่นเล่ม ปัจจุบันหาไม่ได้แล้ว
ส่วนเนื้อหาในเล่มท่านเสนอว่า ถ้าหากจะพิมพ์ซ้ำควรเขียนบอกกล่าวให้ผู้อ่านทราบว่าเป็นหนังสือประวัติศาสตร์ไทย ฉบับสังเขป เพื่อเป็นพื้นฐานผู้สนใจประวัติศาสตร์ หากพูดประเด็นนี้ ปัญหาจะน้อยมาก
ที่น่าชมคือการใช้ภาษาง่าย คนทุกระดับอ่านได้ ยกเว้นที่เขียนในหน้า 88 ที่ว่าพระมหาธรรมราชาภายใต้เศวตฉัตรราชวงศ์ตองอูนั้น เป็นข้อความที่สื่อยาก ต้องแปลต้องอธิบาย หากเขียนว่าเป็นเมืองขึ้นพม่าก็สิ้นเรื่อง
อย่างไรก็ตาม โดยรวมแล้วราชการทำถูกที่เสนอแบบพรรณนาความ แม้ว่าบางเรื่องบางประเด็นต้องแก้ไข ก็ต้องทำ เพราะไม่ใช่เรื่องเสียหาย หนังสือฝรั่งพิมพ์ 10 ครั้ง ก็แก้ไข 10 ครั้ง เขาก็ทำกัน
ส่วนที่มีผู้วิพากษ์วิจารณ์หนังสือ ต้องขอบคุณเขา เพราะทำให้เราเห็นจุดอ่อน จุดบกพร่อง วิจารณ์มากยิ่งดี จะได้ปรับปรุงได้ แต่ไม่ควรทำตามที่เขาวิจารณ์ทุกเรื่อง แก้ไขได้ตามที่เห็นสมควรก็พอ
ม.ร.ว.ศุภวัฒย์ กล่าวว่า การกล่าวถึงสถาบันพระมหากษัตริย์นั้นควรเขียนให้เห็นภาพว่าประเทศนี้อยู่คู่กับสถาบันมาแต่ครั้งไหน จนถึงสมัยสุโขทัย เมื่อ พ.ศ. 1731 และต้องบรรยายให้เห็นหน้าที่หลักสถาบันพระมหากษัตริย์ 3 ประการ คือ 1.คุ้มครอง 2.ป้องกัน และ 3.รักษา จึงจะสมบูรณ์
ท่านเสนอแนะให้เพิ่มเติมข้อความและสาระสำคัญในสถาบันพระมหากษัตริย์อีกหลายประเด็น เช่น ทำไมพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 จึงทรงเลิกทาส และทรงเป็นพระมหาราชที่ยิ่งใหญ่เพราะอะไร
ท่านกล่าวถึงพระอัจฉริยภาพของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 8 ที่ทรงปกครองประเทศในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งหลายประเทศรวมทั้งจีนด้วย ว่าไทยแพ้สงคราม ตอนนั้นท่านอยู่ในวัยที่รู้เรื่องต่างๆ มาก คนไทยเดินไปย่านเยาวราชไม่ได้ จะถูกคนจีนเลี๊ยะ เพราะจีนถือว่าชนะสงคราม แต่พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 8 เสด็จพระราชดำเนินเยาวราช ปัญหาทุกอย่างก็หมดไป รวมทั้งทรงกู้ศักดิ์ศรีชาติไทย ที่ทรงประทับเคียงบ่าเคียงไหล่กับผู้นำประเทศที่ชนะสงครามอย่างสง่าผ่าเผย กำลังใจคนไทยกลับมาทันที ท่านจึงเสนอให้หาภาพที่เล่าเรื่องเหล่านี้มาใส่ไว้ จะมีคุณค่ามาก เพื่อบอกว่าไทยไม่เคยแพ้สงคราม
ดังนั้น เมื่อจะพิมพ์ครั้งต่อไป ควรพิมพ์ 1 แสนเล่ม


