posttoday

ตำนานความขัดแย้งในวงการสาธารณสุข (12)

01 ธันวาคม 2558

โดย...นพ.วิชัย  โชควิวัฒน

โดย...นพ.วิชัย  โชควิวัฒน

ความขัดแย้งรุนแรงที่เป็นข่าวครึกโครมต่อมา เกิดในช่วงรัฐบาลซึ่งดำรงตำแหน่งในช่วง 13 ก.ค. 2538–25 พ.ย. 2539 ช่วงนั้นระยะเวลาเพียงปีเศษ แต่เป็นช่วงที่การทุจริตคอร์รัปชั่นเกิดขึ้นมากที่สุดและรุนแรงที่สุดในวงการสาธารณสุข โดยผู้ทุจริตล้วนลอยนวล และคนที่ถูกลงโทษเป็นเพียงปลายอ้อปลายแขม ปลาซิวปลาสร้อย ที่แท้จริงก็ไม่ได้ทุจริต

เริ่มจากโครงการ “แพทย์ทางไกลผ่านดาวเทียม” (Telemedicine) มีการกำหนดสเปกเครื่องมืออุปกรณ์ราคาแพงในลักษณะล็อกสเปกของบริษัทจากฝ่ายการเมือง สั่งการลงไปให้ฝ่ายข้าราชการประจำดำเนินการจัดซื้อ ขณะนั้น นพ.สุวิทย์ วิบุลผลประเสริฐ ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน มองเห็นความไม่ชอบมาพากล

ทั้งประโยชน์ของเครื่องมือและวิธีการจัดซื้อ จึงพยายามคัดค้าน “เงียบๆ” แต่ไม่สำเร็จ ในที่สุดก็กลายเป็นข่าวครึกโครม เพราะปลัดกระทรวงสาธารณสุขขณะนั้น  ซึ่งเป็นคนมี “บารมีสูง” นอกจากไม่พยายามขัดขวางการทุจริตแล้ว ยังใช้อำนาจ “เปิดทาง”  ให้ฝ่ายการเมืองทุจริตได้โดยสะดวก ด้วยการ “ถางทาง” ขจัด “อุปสรรคขวากหนาม” ให้โดยการสั่งย้าย นพ.สุวิทย์ ออกจากตำแหน่งดังกล่าวให้ไปเป็นนายแพทย์ใหญ่ เป็นการย้ายจากตำแหน่งบริหารไปเป็นตำแหน่งวิชาการ ทำให้ “จุดปะทะ” เปลี่ยนจากการปะทะกับฝ่ายการเมืองมาเป็นการปะทะกับข้าราชการประจำด้วยกันเอง

พร้อมๆ กับเรื่องการแพทย์ทางไกลผ่านดาวเทียมก็มีแผนร้ายเข้าไปเตรียมการทุจริตในโครงการพัฒนาโรงพยาบาลศูนย์ 10 แห่งในโครงการผลิตแพทย์เพิ่มเพื่อชาวชนบท ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของ นพ.อำพล จินดาวัฒนะ ผู้อำนวยการ “สถาบันพัฒนากำลังคนด้านสาธารณสุข” ซึ่งปัจจุบันคือ สถาบันพระบรมราชชนก มีการสั่งการ “ข้ามหัว”  นพ.อำพล ลงไปที่รองผู้อำนวยการ  จากเดิมที่ นพ.อำพล ได้กระจายอำนาจให้โรงพยาบาลทั้ง 10 แห่ง ให้ส่วนภูมิภาคดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างเอง เป็นการดึงกลับมาดำเนินการในส่วนกลาง จนเป็นข่าวครึกโครมขึ้นมาอีก
เรื่องหนึ่ง

ผู้รับคำสั่งแล้ว “รับลูก” ไป “ชง” ให้ฝ่ายการเมืองซึ่งเป็นรองผู้อำนวยการ เป็นคน “คล่อง” และหวังว่าจะได้ “ก้าวหน้าโดยเร็ว” ในวงราชการ ปัจจุบันเสียชีวิตไปแล้ว

ข่าวการปะทะกันระหว่าง นพ.สุวิทย์ กับปลัดกระทรวงสาธารณสุขเป็นข่าวครึกโครมอยู่ระยะหนึ่ง ในที่สุดจบลงด้วยการเจรจาหย่าศึกโดย นพ.บรรลุ ศิริพานิช เป็นตัวกลางดึงให้ “พี่-น้อง” ไปกินข้าวและ “คุยกัน” เพื่อปรับความเข้าใจ และยุติศึก ที่บ้านของ นพ.บรรลุ

แผนการทุจริตเรื่องโครงการแพทย์ทางไกลผ่านดาวเทียม และโครงการพัฒนาโรงพยาบาลศูนย์ 10 แห่งในโครงการผลิตแพทย์เพื่อชาวชนบท “เดินต่อ” ไม่ได้ ต้องยุติ แต่การทุจริตอื่นยังดำเนินต่อไป และดำเนินการสำเร็จ 3 เรื่องใหญ่ๆ

เรื่องแรก คือ การเปลี่ยนแบบการสร้างอาคารในโรงพยาบาลขนาดใหญ่ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคกว่าสิบอาคาร มีการเพิ่มงบประมาณเกือบ 2 เท่า เช่น อาคารที่เคยตั้งงบประมาณไว้ 200 ล้านบาท เปลี่ยนแบบให้มีที่จอดเฮลิคอปเตอร์บนหลังคาอาคาร และมีชั้นใต้ดินสำหรับจอดรถ เพิ่มงบประมาณเป็นราว 380 ล้านบาท

การดำเนินการดังกล่าวต้องใช้เวลาในการเปลี่ยนแบบ และเพราะมีการเพิ่มงบประมาณจำนวนมาก ในที่สุดจึงต้องเสนอขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี ซึ่งก็มีการอนุมัติโดยเรียบร้อยในการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดสุดท้ายของรัฐบาลชุดนั้น ก่อนจะพ้นหน้าที่ไป

โครงการนี้เป็นข่าวครึกโครมอยู่ช่วงหนึ่ง แต่เพราะไม่มี “เจ้าภาพ” ออกมากัดติดขณะที่ประเทศเข้าสู่ “โหมดเลือกตั้ง” ในที่สุดข่าวก็ซาลง การก่อสร้างต่างๆ ดำเนินไปจนแล้วเสร็จ ผู้เกี่ยวข้องจำนวนไม่น้อยอิ่มเอมไปตามๆ กัน

เรื่องที่สอง คือ การทุจริตโครงการเงินกู้จากประเทศสวีเดน จัดซื้อเครื่องมือแพทย์ราคาแพง และรถพยาบาลจำนวนมาก เรื่องนี้กลายเป็นเรื่อง “อื้อฉาว” และเป็นข่าวครึกโครม เพราะรถพยาบาลเป็นรถยี่ห้อวอลโว่ซึ่งมีพวงมาลัยซ้าย และประตูผู้โดยสารเปิดทางด้านขวา เป็นรถสำหรับการจราจรขับชิดขวา จึงไม่เหมาะอย่างยิ่งกับประเทศไทยที่การจราจรชิดซ้าย ส่วนเครื่องมือแพทย์ก็มีปัญหาเพราะตัวหนังสือบนเครื่องและคู่มือทั้งหมดเป็นภาษาสวีเดน แพทย์-พยาบาลในประเทศไทยไม่มีใครอ่านออก แต่ก็จัดซื้อกันไปจนได้ โดยแพทย์ พยาบาลส่วนมากไม่กล้าใช้ เพราะเกรงอันตรายจะเกิดกับคนไข้ เครื่องมือเหล่านี้จึงไปกองทิ้งไว้ตามโรงพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศ

เรื่องนี้คน “ชง” เรื่องเป็นผู้บริหารในกองโรงพยาบาลภูมิภาค ซึ่งต่อมาได้ดิบได้ดีทั้งในราชการและในสภาวิชาชีพ จนกระทั่งทุกวันนี้ คนคนนี้เป็นคนเรียนเก่งเคยไปทำงานชดใช้ทุนในชนบท  แต่ไม่เคยร่วมกิจกรรมกับชมรมแพทย์ชนบท เป็นคนหนึ่งที่ร่วม “อิ่มเอม” กับฝ่ายการเมืองด้วย คนคนนี้เป็น “ศิษย์รัก” ของคณบดีคณะแพทยศาสตร์ที่เขาเรียนจบแพทย์มา ต่อมาอดีตคณบดีท่านนั้นเป็นผู้เปิดเผยพฤติกรรมนี้กับนายกรัฐมนตรีท่านหนึ่งยืนยันว่า “คนจ่ายเงิน” ยืนยันกับท่านเอง

เรื่องที่สาม มีการผลักดันให้องค์การเภสัชกรรมซื้อที่แปลงใหญ่ในราคาสูง ที่ อ.หนองใหญ่ จ.ชลบุรี ตัวตั้งตัวตีในเรื่องนี้ เป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยที่ไปเป็นบอร์ดในองค์การเภสัชกรรม ที่ดินดังกล่าวยังใช้ประโยชน์ได้น้อยมากมาจนกระทั่งทุกวันนี้

เรื่องนี้มีการร้องเรียนไปยัง ป.ป.ช. ซึ่งขณะนั้นยังเป็น ป.ป.ป. หรือคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ มีการสอบสวนโดยใช้เวลายาวนานมาก เพิ่งมีการสรุปชี้มูลความผิดกับผู้บริหารและเจ้าหน้าที่บางคนในองค์การเภสัชกรรม ฐานละเลยไม่ติดตามการเปลี่ยนเอกสารสิทธิจาก น.ส.3 เป็นโฉนดและโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้ถูกต้อง ทำให้ที่ดินขาดไปจำนวนหนึ่ง ป.ป.ช. ถือเป็นความผิดวินัยร้ายแรง ต้องถูกไล่ออก โดยคนที่ถูกลงโทษเหล่านี้ เกษียณอายุไปหลายปีแล้ว

คนที่ถูกลงโทษ ไม่มีใครทุจริต เพียงแต่ปล่อยปละละเลยไม่รักษาผลประโยชน์ของรัฐโดยครบถ้วน ส่วนคนที่ทุจริต และร่วมหรือสนับสนุนการทุจริตล้วนลอยนวล

ข่าวล่าสุด

3 ชาติผนึกกำลังทลาย 'KK Park - ชเวก๊กโก' รังใหญ่ "แก๊งคอลเซ็นเตอร์"