posttoday

"ขโมยเด็กทารก"...ฝันร้ายของคนเป็นพ่อแม่!

13 พฤศจิกายน 2558

เมื่อใครบางคนไม่สามารถมีลูกได้ดั่งใจ ทางออกสุดท้ายที่ไม่มีใครคาดคิดคือ พรากลูกคนอื่นมาเป็นของตัวเอง

โดย...วรรณโชค ไชยสะอาด

สร้างความหวาดหวั่นพรั่นพรึงให้แก่พ่อแม่ผู้ปกครองเป็นอย่างยิ่ง สำหรับข่าวการจับกุมผู้ต้องหาบุกลักพาตัวทารกเพศหญิงจากโรงพยาบาลขอนแก่น เมื่อปี 2554 โดยสารภาพว่าทำไปเพราะอยากมีลูกมาก เนื่องจากเคยแท้งลูกขณะตั้งครรภ์ได้ 6 เดือน จึงตัดสินใจลักพาตัวเด็กไปเลี้ยงดูดั่งแก้วตาดวงใจ

หารู้ไม่ว่า การกระทำดังกล่าวนอกจากจะผิดกฎหมาย ยังทำร้ายย่ำยีหัวใจคนเป็นแม่ตัวจริงให้แตกสลายลงในพริบตา

ชำแหละพฤติกรรม "ลักพาตัวเด็ก"

เอกลักษณ์ หลุ่มชมแข หัวหน้าศูนย์ข้อมูลคนหายเพื่อการต่อต้านการค้ามนุษย์ มูลนิธิกระจกเงา เปิดเผยว่า การลักพาตัวเด็กในปัจจุบันของไทย มีสาเหตุสำคัญมาจาก 3 ประเด็นหลัก ดังนี้

ผู้ที่มีอาการป่วยทางสุขภาพจิต มีแนวโน้มลักพาตัวเด็กไปกระทำอนาจารทางเพศ

การลักพาตัวเด็กไปเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ เช่น ไปเร่ร่อน ขอทาน ขายสินค้าหรือบริการ กรณีนี้พบได้มากที่สุด

ลักพาตัวไปด้วยความเสน่หา อยากนำไปเลี้ยงเป็นลูกหรือเป็นคนใกล้ชิด

ทั้งนี้ จากสถิติของศูนย์ข้อมูลคนหายเพื่อการต่อต้านการค้ามนุษย์ พบว่า ในระยะเวลาหนึ่งปีจะมีเด็กถูกลักพาตัวประมาณ 20 ราย โดยเฉพาะเด็กทารกพบว่า สิบปีที่ผ่านมา มีทารกถูกลักพาตัว 11 ราย เฉลี่ยปีละ 1 ราย

พฤติการณ์ลักพาตัวเด็กที่พบบ่อยที่สุดคือ คนร้ายจะมีลักษณะเข้ามาพูดคุยตีสนิทกับพ่อแม่เด็กจนเกิดความไว้วางใจ ก่อนอาศัยจังหวะเผลอลักพาตัวไป การลักพาตัวทุกครั้งเกิดขึ้นในช่วงที่พ่อแม่ปล่อยให้เด็กอยู่ตามลำพัง

"การก่อเหตุลักพาตัวในไทย ผู้ก่อเหตุมักก่อเหตุเพียงลำพัง ไม่ได้เป็นกลุ่ม หรือแก๊งออกล่าตระเวนหาเด็ก เพื่อรวบรวมไปขายต่อ บางคนเป็นคนเร่ร่อน ด้วยความที่มีวิถีชีวิตเป็นคนเร่ร่อน ขอทาน พวกเขาจึงเอาเด็กไปแสวงหาประโยชน์ด้วยการเร่ร่อนขอทานนั่นเอง

เอกลักษณ์ แนะนำว่า พ่อแม่ผู้ปกครองไม่ควรปล่อยเด็กอยู่ตามลำพังโดยเด็ดขาด

"พ่อแม่มีส่วนสำคัญมากในการป้องกันเรื่องนี้ ต้องไม่ปล่อยให้เด็กๆ ไปวิ่งเล่นหรืออยู่คนเดียวตามลำพัง เพราะนั่นเป็นช่วงที่คนร้ายจะเข้ามาก่อเหตุ หรือบางทีคนร้ายอาจจะเข้ามาพูดคุย ตีสนิทกับพ่อเเม่ โดยที่ผู้ปกครองหลงเชื่อ ไม่เอะใจ คิดว่าคนแปลกหน้าที่เข้ามาขออุ้มหรือขอเล่นกับลูกเราเป็นผู้ใหญ่ใจดี

โดยเฉพาะเวลาอยู่ในที่สาธารณะ ผู้ปกครองควรระวังให้มาก อาจจะปฏิเสธคนที่เข้ามาเล่นกับลูกด้วยการอ้างว่า ลูกดิฉันไม่ค่อยสบายหรือมีอาการเจ็บป่วยอยู่ เพื่อป้องกันไม่ให้คนภายนอกมาอุ้มลูกเรา เพราะอุ้มแล้ว เขาอาจจะอาศัยจังหวะทีเผลอ นำเด็กหนีไป" 

ไม่ต้องมีลูก ครอบครัวก็สมบูรณ์แบบได้

พญ.พรรณพิมล วิปุลากร รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต เสนอทางออกเรื่องวิธีคิดสำหรับผู้ที่อยากมีบุตรแต่ไม่สามารถมีได้ว่า สภาพจิตใจของคนเหล่านี้เกิดจากปัจจัยสองส่วนสำคัญ ประกอบด้วยดังนี้

ความรู้สึกของตัวเอง หลายคนยึดติดว่า การมีลูกคือความสมบูรณ์แบบของชีวิตครอบครัว อาจต้องกลับมาทบทวนใหม่ ชีวิตคู่นั้นมีหลายส่วน เมื่อลูกเป็นส่วนที่เราไม่ประสบความสำเร็จได้ด้วยตัวเอง ก็จำเป็นต้องหวังพึ่งตัวช่วยทางการแพทย์ เช่น การผสมเทียม การทำกิ๊ฟ และอื่นๆ ซึ่งความสำเร็จของการรักษาและโอกาสในการตั้งครรภ์ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย หากไม่สำเร็จอาจจะต้องหาทางออกทางสังคม อย่างการอุปถัมภ์บุตรบุญธรรม

แรงกดดันจากคนรอบข้าง การมีลูกนั้นมีความหมายกับครอบครัวมากกว่าแค่ตอบสนองความต้องการของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเท่านั้น เมื่อฝ่ายหนึ่งไม่ได้รับในสิ่งที่คาดหวัง ก็จำเป็นต้องมีวิธีพูดคุยเพื่อให้เกิดความเข้าใจ นำไปสู่การเห็นอกเห็นใจ ยอมรับว่าคู่สมรสเราไม่สามารถทำหน้าที่ตรงนี้ได้ รวมไปถึงครอบครัว พ่อแม่ของแต่ละฝ่ายด้วย ต้องสื่อสารให้เข้าใจ และหาทางอื่นเติมเต็มหรือทดแทนความสุขในชีวิตคู่

"ถ้าในที่สุดไม่สามารถมีเจ้าตัวน้อยได้ คนอยากเป็นพ่อเป็นเเม่ หรืออยากเป็นคุณปู่คุณย่า ก็จำเป็นต้องพูดคุยสื่อสารเพื่อให้สามารถยอมรับ และสามารถหาสิ่งอื่นเติมเต็มความสุขในชีวิตคู่ได้ แต่หากอยากเลี้ยงเด็ก อยากมีลูกจริงๆ ทางออกต่อมาก็คือ การอุปถัมภ์เด็ก นอกจากเติมเต็มความต้องการของเราแล้ว ยังเท่ากับเมตตากับเพื่อนมนุษย์ด้วย"

"ขโมยเด็กทารก"...ฝันร้ายของคนเป็นพ่อแม่!

"อุปถัมภ์เด็กกำพร้า" ทางเลือกของคนอยากมีบุตร

ข้อมูลจากสถานสงเคราะห์เด็กอ่อน 8 แห่งภายใต้การกำกับของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ปี 2555-2557 พบว่า มีเด็กในความดูแลทั้งหมด 1,738 คน ในจำนวนนี้มีเด็กที่ถูกถอดทิ้ง 465 คน แบ่งเป็นจากโรงพยาบาล 117 คน ที่สาธารณะจำนวน 206 คน ผู้รับจ้างเลี้ยงจำนวน 110 คน และญาติ 32 คน
 สาเหตุมาจากปัญหาการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร 91 คน ครอบครัวแตกแยกหย่าร้าง 96 คน ความยากจน 72 คน และไม่ทราบสาเหตุการทอดทิ้งจำนวน 206 คน

อรุณี เต็งสุวรรณ์ ผอ.ศูนย์อำนวยการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม กล่าวว่า ผู้ประสงค์รับอุปการะเด็กเด็กกำพร้า หากมีภูมิลำเนา ทะเบียนบ้าน อยู่ในกรุงเทพมหานคร ให้ยื่นคำขอรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมได้ที่ศูนย์อำนวยการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ตึก 60 ปี กรมประชาสงเคราะห์ ภายในสถานสงเคราะห์เด็กหญิงบ้านราชวิถี ถนนราชวิถี เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร สำหรับผู้มีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดอื่นๆ ให้ยื่นคำขอรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมได้ที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด บริเวณศาลากลางจังหวัด

"หลังจากรับเรื่องแล้ว ทางศูนย์ฯ จะมีการตรวจสอบความถูกต้องต่างๆ ของหลักฐานเเละเอกสาร ก่อนจะส่งนักสังคมสงเคราะห์ไปตรวจสภาพบ้านของผู้ร้องขอ สอบข้อเท็จจริง ความเป็นอยู่ อาชีพ ครอบครัว สภาพสังคมและด้านเศรษฐกิจของผู้ร้องขออย่างครบถ้วน เพื่อนำมาเสนอต่อคณะกรรมการ หากผ่านการอนุมัติจึงจะสามารถพบเด็ก และรับเด็กได้ที่สถานสงเคราะห์ รวมระยะเวลาตั้งแต่ยื่นคำขอบุตร กระทั่งสิ้นสุดใช้เวลาภายใน 1 ปี นอกจากนั้นในการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมกฎหมายยังบังคับให้ผู้รับบุตรบุญธรรม ต้องเตรียมความพร้อมในการรับบุตร โดยเข้ารับอบรบ “หลักสูตรการเตรียมความพร้อมการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม” ซึ่งตลอดระยะเวลาในการอบรมจะมีเเพทย์ นักวิชาการ นักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์มาคอยให้คำแนะนำเพื่อเตรียมความพร้อมในการดูเเลเด็ก"

ทั้งนี้ อรุณี บอกทิ้งท้ายว่า ที่ผ่านมาการขอรับบุตรบุญธรรมระหว่างครอบครัวบุตรธรรมไทยกับต่างประเทศนั้นมีทัศนคติที่เเตกต่างกัน ด้วยวัฒนธรรมเเละประเพณี โดยชาวต่างชาติบางครอบครัว ไม่เลือกเด็กเเม้ว่าจะมีปัญหาทางสุขภาพ เช่น ความพิการ ซึ่งแตกต่างไปจากครอบครัวไทย

การเติมเต็มความสมบูรณ์แบบให้แก่ครอบครัวนั้นมีวิธีการมากมายหลากหลายขั้นตอนและซับซ้อนเกินว่าจะคิดสั้น พรากลูกคนอื่นมาเป็นของตัวเองเพราะนอกจากผิดกฎหมาย ยังทำร้ายหัวใจคนเป็นพ่อแม่ตัวจริง ที่สำคัญอาจส่งผลกระทบที่คาดไม่ถึงต่ออนาคตของเด็กด้วย

ข่าวล่าสุด

ดูบอลสด ถ่ายทอดสด อาร์เซน่อล พบ คริสตัล พาเลซ คาราบาวคัพ วันนี้