ความในใจอธิบดีกรมศิลป์ อนันต์ ชูโชติ
อนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากรคนใหม่ ที่ท่านทำงานมาตั้งแต่ พ.ศ. 2527 จากข้าราชการ ซี 3
โดย...อินทรชัย พาณิชกุล
อนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากรคนใหม่ ที่ท่านทำงานมาตั้งแต่ พ.ศ. 2527 จากข้าราชการ ซี 3 และเติบโตในสายงานตามลำดับ เช่น หัวหน้าพิพิธภัณฑ์ และอุทยานประวัติศาสตร์ ในจังหวัดสำคัญๆ จนกระทั่ง พ.ศ. 2553 เป็นผู้อำนวยการสำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. 2556 เป็นรองอธิบดีกรมศิลปากร พ.ศ. 2557 เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงวัฒนธรรม และรองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เมื่อวันที่ 13 ต.ค. 2558 คณะรัฐมนตรีมีมติให้นั่งในตำแหน่งอธิบดีกรมศิลปากร กรมที่สถาปนามาแล้ว 104 ปี
อธิบดีใหม่มีอายุราชการอีกยาวนาน เพราะเกิดวันที่ 25 พ.ย. 2501 สำเร็จการศึกษาชั้นปริญญาตรี ศิลปศาสตรบัณฑิต (โบราณคดี) คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร ปริญญาโท (บริหารการศึกษา) มหาวิทยาลัยนเรศวร
เมื่อพบกับโพสต์ทูเดย์ วันที่ 4 พ.ย. 2558 อธิบดีใหม่ กล่าวว่า “จุดสูงสุด (ตำแหน่งอธิบดี) ตรงนี้ก็เป็นสิ่งที่เราต้องตระหนักอยู่เสมอว่า เมื่อก้าวมาถึงตรงนี้ เหนื่อยอย่างไรก็ต้องทำให้ดีที่สุด เรื่องน่ายินดีก็คือทีมงานกรมศิลปากรมีความเข้มแข็งในตัวอยู่แล้ว ไม่ว่าจะขอข้อมูลอะไร ก็ได้ตลอดเวลาและค่อนข้างพร้อม”
โดยยืนยันว่าไม่หนักใจ พร้อมจะทำหน้าที่อย่างเต็มที่ที่สุด
“เราต้องขยัน อดทน มุ่งมั่นในการทำงานโดยไม่ย่อท้อต่อปัญหาหรืออุปสรรคใดๆ ถามว่าหนักใจไหม ไม่หนักเลย ทุกอย่างมันต้องทำได้ ส่วนงานออกมาสมบูรณ์แบบ ดีที่สุด ดี หรือพอใช้ ก็ต้องไปพิจารณาในผลของงานอีกที ผมกำชับกับเจ้าหน้าที่เสมอว่า เมื่อเราทำงานแล้วเราต้องมีความรับผิดชอบ เราต้องรับผิดและรับชอบกับงานที่ทำ ซึ่งไม่เหมือนกันนะ รับผิดชอบต่องาน คือ ทำงานต้องเสร็จตามเวลา และต้องรับผิดและรับชอบกับงานที่เราทำ ไม่ใช่รับชอบอย่างเดียวแต่ไม่รับผิด ทำให้เห็นว่าต้องกล้าที่จะรับผิด ไม่ใช่ว่างานไม่ดีแล้วผลักลูกน้องออกหน้า งานตัวเองดีแล้วเสนอหน้าอย่างเดียว ลูกน้องที่เหนื่อยเกือบตายสะกิดเราอยู่ข้างหลัง อันนี้ไม่ใช้วิธีการทำงานของผม”
วิธีทำงานที่แตกต่าง
ส่วนวิธีการทำงาน ท่านบอกว่าต่างจากอธิบดีคนก่อน แต่เดินหน้าโครงการที่อธิบดีคนก่อนทำไว้ เช่น เรื่องวัดกัลยาณมิตร จะเดินหน้า หากแต่วิธีการทำงานไม่เหมือนกัน
ก่อนเดินหน้าผมต้องไปกราบ 1.เจ้าพระคุณสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ซึ่งดูแลบังคับบัญชาวัดและพระสงฆ์ส่วนกลาง เพื่อรายงานและขอคำชี้แนะ 2.ผมจะเข้าไปวัดกัลยาณ์ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ แต่หลังจากไปกราบสมเด็จพระพุทธชินวงศ์แล้ว และกรมมีความพร้อมในเรื่องต่างๆ เพื่อที่จะเข้าไปกราบท่านเจ้าคุณ (พระพรหมกวี เจ้าอาวาสวัดกัลยาณ์) ว่าเราจะทำอะไร เช่น สร้างศาลาขึ้นแทนที่รื้อ แต่ศาลาที่จะสร้างแทนนั้นต้องเป็นแบบโบราณที่ทางเจ้าอาวาสรื้อไปแล้วสร้างใหม่ สิ่งที่ผมต้องเข้าไปกราบคือผมไปสร้างศาลาให้เหมือนของเก่าที่วัดรื้อ ตอนนี้เร่งเช้าเร่งเย็นให้สำนักสถาปัตย์ออกแบบให้เสร็จสมบูรณ์แล้วประเมินราคาในการก่อสร้าง และขอให้วัดจ่ายค่าใช้จ่ายให้เรา เพราะวัดเป็นคนรื้อ นี่คือวันที่ผมเข้าไปคุย ผมต้องมีตัวนี้อยู่ในมือ เพื่อจะกราบว่า เมื่อเรารื้อ เราจะทำอะไรต่อ
เมื่อเราสร้างศาลาให้เหมือนของโบราณเสร็จ ระหว่างนั้นผมก็จะไปรื้อศาลา (ราย) หลังที่ 3 เมื่อรื้อเสร็จเราจะทิ้งระยะเวลาตามกฎหมาย เสร็จแล้วผมจะไปสร้างศาลาหลังที่ 3 ในปีนี้ ถึงบอกว่าผมไม่หนักใจ ผมจะเดินทำตามแผน แต่ผมมีกลยุทธ์ของผม ที่ไม่เหมือนท่านอธิบดีคนก่อน
เรื่องใหม่ที่ต้องทำ
อธิบดีกรมศิลป์ กล่าวว่า จะสานต่อเรื่องที่ท่านรัฐมนตรีสั่ง ส่วนเรื่องใหม่ที่ต้องทำคือ 1.การทวงคืนโบราณสถาน โดยเฉพาะโบราณสถานคูเมืองกำแพง 2.เรื่องโบราณสถานที่เกี่ยวกับแหล่งน้ำ เช่น บาราย ที่ จ.นครราชสีมา ที่จะเอาแหล่งน้ำโบราณเข้ามา 3.การปรับปรุงพิพิธภัณฑ์ให้ได้มาตรฐาน มีชีวิต และเป็นแหล่งเรียนรู้ และจะให้พัฒนาอีก 5 แห่งเพิ่มเติม เช่น พิพิธภัณฑ์หริภุญชัย พิพิธภัณฑ์อุบลราชธานี พิพิธภัณฑ์ปราจีน พิพิธภัณฑ์ไชยา พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเก่า จ.กาญจนบุรี ในภาคกลาง และบ้านเชียง ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
เรื่องของงานโบราณคดีที่เป็นโปรเจกต์ใหญ่ๆ คือ ศึกษาเรื่องว่าด้วยโบราณคดีภาคใต้และเส้นทางสายไหมทางทะเล ก็คือ การค้าขายในอดีต
นอกจากนั้น จะเร่งรัดการนำระบบดิจิทัลเข้ามาสู่การบริการให้มีประสิทธิภาพทั้งที่สำนักจดหมายเหตุแห่งชาติและสำนักหอสมุดแห่งชาติ เพื่อให้มีความสะดวกในการค้นหามากกว่าที่จะมาปิดกั้น วันที่ผมให้นโยบายแก่เจ้าหน้าที่ ผมสั่งการไป 50 ข้อ รวมถึงการพัฒนาบุคลากร
เป็นถ้อยคำ (บางตอน) ที่หนักแน่นของ อนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากรใหม่ถอดด้าม


