จับสาวใหญ่ลวงเด็กสาวค้ากามมาเลย์

ปคม. แถลงรวบสาวใหญ่ หลอกลวงเด็กสาวอายุระหว่าง 15-17 ปี มาทำงานร้านคาราโอเกะ รายได้ 15,000 ต่อเดือน ก่อนบังคับส่งไปค้าประเวณีที่มาเลเซีย

เมื่อวันที่ 30 ต.ค. ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) พ.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รักษาราชการแทนผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์  หรือ ปคม. แถลงข่าวจับกุม นางสาวนิษฐาชยา จันทะพงษ์ หรือ เจ๊นิด อายุ 38 ปี ผู้ต้องหาหลอกลวงเหยื่อเด็กหญิงสาวไปค้าประเวณีที่ประเทศมาเลเซีย จับกุมได้ภายในคันทรี่โอมคอนโด อ.หาดใหญ่  จ.สงขลา

สืบเนื่องจากเมื่อประมาณกลางเดือน ต.ค. 58 กก.3 บก.ปคม. ได้รับแจ้งผู้เสียหายขอให้เข้าช่วยเหลือบุตรสาวกับเพื่อน รวม 4 คน อายุระหว่าง 15 - 17 ปี ที่ถูกหลอกไปค้าประเวณีที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งผู้ต้องหาได้มีการโทรศัพท์ข่มขู่ให้ผู้ปกครองของเด็กหญิงสาว แต่ละรายโอนเงินให้กับผู้ต้องหาเป็นเงินสดจำนวน 30,000 - 50,000 บาท เพื่อแลกกับการปล่อยตัวเด็ก หากไม่ยอมโอนเงินจะนำเด็กกลับไปค้าประเวณีที่ประเทศมาเลเซียอีก

จากการสืบสวนของชุดสืบสวนจับกุมทำให้ทราบว่า ผู้ต้องหานำเด็กหญิงผู้เสียหายมากักขังไว้ที่คันทรี่โฮมคอนโดมิเนียม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จึงประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง .สงขลา สนธิกำลังกันเข้าช่วยเหลือเด็กหญิงสาวทั้ง 4 คน พร้อมจับกุมผู้ต้องหามาดำเนินคดี

นางสาวนิษฐาชยา ยอมรับสารภาพว่าได้มีการนำเด็กหญิงไปค้าประเวณีที่ประเทศมาเลเซียจริง โดยได้ร่วมมือกับเพื่อนที่เปิดร้านคาราโอเกะและอาศัยอยู่ในประเทศมาเลเซีย  โดยอ้างว่าได้ทำเป็นครั้งแรก ซึ่งจะได้รับค่าส่วนแบ่งเป็นเงิน 5  พันบาทต่อเด็กหนึ่งคน

พ.ต.อ.ธนรัฐ รุ่งโรจน์ดี ผกก.3 บก.ปคม. ระบุว่า เมื่อเหยื่อหลงกล ผู้ต้องหาจะไปรับเด็กสาวทั้งหมดซึ่งเป็นเพื่อนกันได้เดินทางมาจาก จ.ขอนแก่น เพื่อมายังกรุงเทพ ก่อนที่จะเดินทางต่อไป อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยการโดยสารเครื่องบิน เด็กทั้งหมดส่วนใหญ่มีฐานะยากจนและต้องการหารายได้เพื่อช่วยเหลือครอบครัว แต่พอสิ้นเดือนผู้เสียหายทวงถามเงินเดือนจากผู้ต้องหาแต่ทางผู้ต้องหาไม่ยอมจ่ายพร้อมอ้างว่ามีค่าใช้จ่ายทั้งค่าเครื่องสำอาง ค่าแต่งกาย ทั้งหมดคือหนี้สินที่ผู้เสียหายต้องใช้มูลค่ากว่า 5 หมื่นบาท

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหา "ร่วมกันค้ามนุษย์โดยการแสวงหาประโยชน์จากการค้าประเวณี ร่วมกันพรากผู้เยาว์ พาไปเพื่อการอนาจาร ข่มขืนใจ หน่วงเหนี่ยวหรือกักขัง และร่วมกันเรียกค่าไถ่ ซึ่งหลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะทำการสืบสวนสอบสวนขยายผลเพื่อหาเครือข่ายที่มีความเกี่ยวข้องต่อไป