ทองลอยน้ำ ปลูกผักบุ้ง-ผักกระเฉดขาย
.สมชาย บุญเหลือ
เสถียร ท้วมจันทร์
รายการ
“เศรษฐกิจคิดไม่ถึง” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 5 เวลา 13.4013.50 น. ในวันที่ 21 ก.ค.นี้ จะพาคุณผู้อ่านไปสัมผัสชีวิตของเกษตรกร ใน อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี ซึ่งประกอบอาชีพปลูกผักลอยน้ำในคลองสองพี่น้อง ทำมาหาเลี้ยงชีพมานานชั่วอายุคนแล้ว และสามารถสร้างรายได้ให้กับพวกเขาเป็นอย่างดี มีวงเงินหมุนเวียนแต่ละเดือนจำนวนมหาศาลในอดีตผักบุ้งที่เกิดและขยายพันธุ์เองอย่างรวดเร็วในแม่น้ำ เป็นเพียงผักธรรมดาที่ชาวบ้านซึ่งอาศัยอยู่ตามริมแม่น้ำเก็บมาเพื่อรับประทานกันในครอบครัว แต่ ณ วันนี้ผักบุ้งน้ำได้กลายเป็นพืชสร้างรายได้ให้กับชาวบ้านเป็นอย่างดีในทุกๆ วัน
ตั้งแต่เช้าตรู่จะสังเกตเห็นชาวบ้านออกพายเรือเก็บยอดผักบุ้งไปขายหรือไม่ก็คอยจับยอดผักบุ้งที่ลอยมาตามน้ำให้มาอยู่กับหลักไม้ไผ่ที่ปักอย่างแน่นหนาตามริมฝั่งแม่น้ำที่ไม่ลึกมากจนเกินไป ปัจจุบันสองฟากฝั่งแม่น้ำท่าจีนหรือแม่น้ำสุพรรณบุรี จึงมีการปลูกผักบุ้งกินเนื้อที่ยาวหลายกิโลเมตร
การปลูกผักบุ้งแม่น้ำสามารถตัดขายได้ตลอดทั้งปี ต้นพันธุ์ผักบุ้งก็ไม่ต้องไปหาซื้อที่ไหน เพราะมีอยู่แล้วในแม่น้ำ เพียงแต่ต้องนำมาจัดให้อยู่เป็นเรียด หรือเป็นแถวเป็นแนว นอกจากนี้ทั้งปุ๋ยและยา แทบไม่ต้องใช้ จะพ่นสารเคมีบ้างก็ต่อเมื่อมีแมลงระบาดหนักจริงๆ
ส่วนปุ๋ยทางใบก็พ่นบ้างเพื่อช่วยให้ผักบุ้งสวยและแตกยอดได้มากขึ้น ต้นทุนส่วนใหญ่จะหนักไปที่ค่าไม้หลัก (ไม้ไผ่ความยาว 4 วา (ประมาณ 8 เมตร) ราคา 4550 บาท/ลำ) และค่าแรงงานจ้างตัด จ้างมัด
ปัจจุบันในแม่น้ำท่าจีนบริเวณ อ.สองพี่น้อง มีการปลูกผักบุ้งเป็นการค้ามีความยาวไม่ต่ำกว่า 18 กิโลเมตร เพราะแทบจะทุกบ้านที่อาศัยอยู่ติดแม่น้ำจะปลูกผักบุ้งขายกันทั้งนั้น
ว่าไปแล้วชาวบ้านใน อ.สองพี่น้อง ยังผูกพันกับคลองสองพี่น้องเป็นอย่างมาก ในน้ำนอกจากมีปลายังมีผักลอยน้ำ พืชเศรษฐกิจของคนท้องถิ่น โดยเฉพาะชุมชนอำเภอเก่า ชาวบ้านที่มีบ้านติดกับสองฝั่งคลองยังดำรงชีวิตด้วยการปลูกผักลอยน้ำขาย โดยเฉพาะผักบุ้ง ผักกระเฉด
ปลูกกันจำนวนมาก และสามารถเก็บผลผลิตกันทุกวัน ก่อนกระจายไปถึงผู้บริโภคทั่วประเทศ คนส่วนใหญ่ที่รับประทานผักบุ้ง ผักกระเฉด แทบไม่ทราบเลยว่าผักแสนอร่อยที่นำมาทำอาหารรับประทานนั้น ส่วนใหญ่มาจากคลองสองพี่น้องนั่นเอง
ชิน อุดมพรเกิดผล หรือ ลุงจื้อ อายุ 56 ปี ชาวบ้านในชุมชนอำเภอเก่า ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชุมชนบ้านอำเภอเก่า เล่าให้ฟังว่า ย้อนไปในสมัยอดีต สมัยบรรพบุรุษก็มีการปลูกผักลอยน้ำเต็มคลอง สองพี่น้อง ซึ่งเชื่อมต่อกับแม่น้ำท่าจีน ตลอดสายมีแต่ปลูกผักลอยน้ำทั้งหมด
แต่ปัจจุบันมีการปลูกผักลอยน้ำลดลง เนื่องจากสภาพน้ำไม่ดีเท่าที่ควร แต่โชคยังดีเพราะในคลองสองพี่น้องยังคงมีน้ำที่อุดมสมบูรณ์อยู่ ชาวบ้านจึงสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้
ลุงจื้อบอกว่า เฉพาะในชุมชนอำเภอเก่าที่รับผิดชอบ คนที่มีบ้านติดกับคลองสองพี่น้องปลูกผักลอยน้ำกว่า 30 ราย ส่วนใหญ่จะปลูกผักบุ้งที่เรียกกันว่าผักบุ้งหลอดใหญ่ หรือผักบุ้งเย็นตาโฟนั่นเอง และปลูกผักกระเฉด แต่ต้องบอกกันก่อนตรงนี้ว่า ใครจะปลูกผักลอยน้ำได้ต้องเป็นลูกแม่น้ำโดยแท้ เพราะต้องใช้เรือในการดำรงชีวิตอยู่ในน้ำ เรียกกันว่าอยู่กันเป็นบ้านหลังที่สองเลยก็ว่าได้
การปลูกผักลอยน้ำจะมีลักษณะคล้ายๆ กัน โดยเริ่มจากหาไม้ลำมาผูกติดกันแล้วนำพันธุ์ผักบุ้งมาวางไว้ด้านบนแต่ต้องจมน้ำทิ้งไว้ประมาณ 15 วัน ก็สามารถเก็บได้ ยอดรุ่นแรกจำหน่าย แต่รุ่นที่สองจะได้มาก็ต้องดูแลใส่ฮอร์โมน ฉีดยาพ่นปุ๋ยทางใบ ทุก 7 วัน ทุก 15 วัน เรียกว่าต้องหมั่นตรวจสอบทุกระยะ
สำหรับผักกระเฉดก็จะใช้ไม้ลำมาผูกเช่นกันและนำท่อนพันธุ์มาวาง แต่พิเศษกว่าผักบุ้งตรงที่ต้องใช้ไม้มาทับ หรือชาวบ้านเรียกนาบบน เพื่อให้ต้นพันธุ์หายไปตามกระแสน้ำ ทิ้งไว้อีก 15 วันเก็บได้ รุ่นที่สอง ผักกระเฉดโตเร็ว อีก 10 วันก็เก็บไปขายได้ แต่ผักบุ้งต้องรอผักทอดยอดถึง 15 วัน
ลุงจื้อมืออาชีพปลูกผักบุ้ง ผักกระเฉด บอกว่า บางคนกลัวผักกระเฉด เพราะผักกระเฉดนักปลูกผักลอยน้ำเขาเรียกผักปราบเซียน ว่ากันอย่างนั้น เพราะผักกระเฉดอ่อนไหวง่าย ต้องหมั่นคอยดูแลเอาใจใส่เหมือนลูกเล็กที่ต้องดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ
การปลูกผักลอยน้ำเคล็ดลับสำคัญที่สุดคือน้ำต้องดี น้ำต้องเคลื่อนไหว มีการถ่ายเทตลอด น้ำต้องสะอาด ถ้าน้ำไม่สะอาด น้ำไม่เคลื่อนไหว ปล่อยผักลอยน้ำอยู่อย่างนั้น ผักจะเน่าหมด เสียหายหมด ทำผักลอยน้ำไม่สำเร็จโดยเด็ดขาด ฉีดพ่นฮอร์โมนแทบตาย เร่งแทบตายก็เท่านั้น
ดังนั้น เราต้องมีการวางแผนการปลูกให้มีความเหมาะสม ให้สามารถเก็บผักส่งแม่ค้าได้ทุกวัน เกษตรกรในชุมชนทั้งหมดกว่า 30 รายที่ยึดอาชีพหลักคือการปลูกผักลอยน้ำ ทุกคนในชุมชนจะมีความซื่อสัตย์ ไม่มีการแอบลักเก็บผักที่ไม่ใช่ของตนเองอย่างเด็ดขาด ทุกคนจะใช้หลักการเดียวกันทั้งหมด หรือจะเรียกตามประสานักการเมืองสมัยนี้ว่ามาตรฐานเดียวกันก็ได้
ส่วนใครจะเพิ่มพื้นที่การปลูกก็จะไปขอเช่าหน้าท่าน้ำของหน้าบ้านแต่ละหลัง เพราะถือว่าหน้าบ้านของใครใครก็ดูแลเป็นเจ้าของไปโดยปริยาย
สำหรับผักลอยน้ำทั้งหมดจะมีแม่ค้าซึ่งเป็นคนในหมู่บ้านนำออกไปขายที่ตลาดส่งผักที่ จ.ราชบุรี ในช่วงกลางคืน ชาวบ้านในชุมชนจะเริ่มเก็บผักตั้งแต่เช้าแล้วนำมาล้างทำความสะอาด แบ่งเป็นกำบรรจุลงในถุงพลาสติกเพื่อนำไปส่งแม่ค้าอีกต่อหนึ่ง
สำหรับผักบุ้งราคาส่งถูกสุดจะอยู่ที่ประมาณ 3550 บาท สูงสุดประมาณ 80 บาท ส่วนผักกระเฉดต่ำสุดประมาณ 40 บาท สูงสุด 55 บาท แต่ราคานี้ไม่ตายตัว เรียกว่าช่วงไหนอากาศแปรปรวนขาดผักก็จะมีราคาสูงตาม เฉพาะชุมชนอำเภอเก่าวันหนึ่งจะมีผักลอยน้ำออกจากชุมชนขายวันละประมาณ 1 ตัน นอกจากนั้นยังเกิดอาชีพรับจ้างเก็บผักลอยน้ำอีกอาชีพหนึ่ง ซึ่งสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรได้อีกทางหนึ่งด้วย
ป้าดา แม่ค้าชาว อ.สองพี่น้อง ซึ่งมารับผักลอยน้ำไปขาย บอกว่า มาซื้อทุกวัน ราคาผักบุ้ง 40 บาทต่อถุง ถุงหนึ่งจะมี 10 กำ ราคาขึ้นลงไม่ต่ำกว่า 30 บาท สูงสุดราคา 50 บาท ผักกระเฉดจะอยู่ที่ 5060 บาท เพราะคนนิยมรับประทานมากกว่า ปลูกยากกว่าผักบุ้ง จึงให้ราคาดีกว่า ราคาจะขึ้นลงตามท้องตลาด มาซื้อแล้วนำไปส่งที่ตลาดศรีเมือง จ.ราชบุรี ที่เดียว ส่วนใหญ่จะรับซื้อเฉพาะผักสองชนิดนี้
สำหรับการรับซื้อ แต่ละวันจะตกอยู่ที่ 300800 บาทต่อคน รับอยู่ 2030 คนต่อวัน โดยชาวบ้านจะมีผักส่งให้ทุกวัน ราคาจะอิงกับราคาในท้องตลาดด้วย
อย่างไรก็ตาม หากได้ผ่านใน อ.สองพี่น้อง จะเห็นชาวบ้านเก็บผักส่งขายตั้งแต่เช้ายันเย็นของทุกวัน โดยจะมีแม่ค้าจะมารับซื้อไปขายต่อในช่วงกลางคืน สิ่งเหล่านี้เป็นวัฏจักรของคนใน อ.สองพี่น้อง ไปแล้ว โดยเฉพาะในชุมชนอำเภอเก่า ซึ่งคิดไม่ถึงว่าการปลูกผักลอยน้ำจะสร้างงานและสร้างอาชีพให้กับชาวบ้านริมแม่น้ำได้เป็นอย่างดี ไม่อาจประเมินมูลค่าได้ !!!


