‘เสพติด’ VS ‘ผูกพัน’
เมื่อพูดถึงคนติดยา คนส่วนใหญ่มักร้องยี้และพยายามหนีห่างให้ไกล ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น?
โดย...ภัสน์วจี ศรีสุวรรณ์ เครือข่ายพุทธิกา http://www.budnet.org
เมื่อพูดถึงคนติดยา คนส่วนใหญ่มักร้องยี้และพยายามหนีห่างให้ไกล ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น? และจะแก้ปัญหายาเสพติดและคนติดยาได้อย่างไร?
เป็นคำถามที่น่าสนใจและน่าค้นหาคำตอบ ทำให้ โจฮานน์ ฮารี ซึ่งมีคนในครอบครัวติดยาเดินทางไปพูดคุยกับคนทั่วโลกและได้รับคำตอบที่น่าสนใจอย่างยิ่งว่า ความเชื่อและแนวทางจัดการเกี่ยวกับการติดยาที่ทำกันอยู่ทั่วโลกมานานนับร้อยปี คือ ยาเสพติดเป็นเรื่องร้ายแรงที่สังคมไม่อาจอดทนได้ ต้องจับกุม ดำเนินคดี คุมขัง และได้รับการลดโทษน้อยที่สุดในบรรดาคดีต่างๆ ล้วนเป็นการ “เดินผิดทาง” และทำให้ปัญหายืดเยื้อไม่สิ้นสุด
ในการปาฐกถาเทด (Tedtalk) เรื่อง ทุกสิ่งที่คุณคิดว่าคุณรู้เกี่ยวกับการเสพติดล้วนผิด (Everything you think you know about addiction is wrong) เขาเชิญให้ผู้ฟังจินตนาการว่า เสพเฮโรอีนวันละ 3 ครั้ง เป็นเวลา 20 วัน แล้วเราจะเชื่อว่า เรากลายเป็นคนติดเฮโรอีน เพราะได้รับการบอกเล่ามาตั้งแต่เด็กว่า ในเฮโรอีนมีสารเสพติดที่หากใช้ต่อเนื่องระยะหนึ่งจะกลายเป็นคนติดยา แต่เขาบอกว่า ถ้าเป็นเช่นนั้น คุณย่าคุณยายที่หกล้มสะโพกหักแล้วได้รับมอร์ฟีนแก้ปวดซึ่งบริสุทธิ์กว่าเฮโรอีนตามท้องถนนก็กลายเป็นขี้ยาไปหมดแล้วสิ
เขากล่าวถึงการทดลองในช่วงทศวรรษ 70 ของศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยา บรูซ อเล็กซานเดอร์ ที่นำหนูใส่ในกรงเปล่า โดยใส่น้ำเปล่าและน้ำผสมยาให้หนูเลือกดื่ม ปรากฏว่าหนูเลือกดื่มน้ำผสมยาบ่อยครั้งและตายไปในที่สุด ในการทดลองครั้งต่อมาเขาใส่หนูไว้ในกรงที่เขาเรียกว่า “สวนสวรรค์ของหนู” เพราะเต็มไปด้วยอาหาร เพื่อนหนู และอุโมงค์เล็กๆ ที่วิ่งเล่นได้ แล้วใส่น้ำและน้ำผสมยาเหมือนเดิม ปรากฏว่าหนูส่วนใหญ่เลือกดื่มน้ำธรรมดา ผลการทดลองนี้แสดงให้เห็นว่า หากหนูมีความสุขและมีความสัมพันธ์กับหนูตัวอื่น มีโอกาสน้อยมากที่มันจะเลือกเสพยา
เช่นเดียวกับการทดลองในมนุษย์ ในสมัยสงครามเวียดนาม ทหารอเมริกาในเวียดนามติดเฮโรอีนถึง 20 เปอร์เซ็นต์ แต่เมื่อทหารเหล่านี้กลับมาอยู่กับครอบครัวและเพื่อนฝูง ส่วนใหญ่ (95%) เลิกยาโดยไม่ต้องเข้าสถานบำบัดยาเสพติดอเล็กซานเดอร์ จึงสรุปว่า คนติดยาไม่ใช่เพราะสารเสพติด แต่เป็นเรื่องสภาพแวดล้อม หรือ “กรง” ที่หนูและคนเหล่านั้นอยู่อาศัยต่างหาก
ขณะที่ ศ.ปีเตอร์ โคเฮน แห่งเนเธอร์แลนด์ บอกว่า เราไม่ควรเรียกว่าการเสพติด แต่น่าจะเรียกว่าความผูกพัน เพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคมที่ต้องการความผูกพัน เมื่อเรามีความสุขและสุขภาพดี เราจะมีความเชื่อมโยงสัมพันธ์กับผู้อื่น แต่หากเราโดดเดี่ยวก็มักจะไปผูกพันหรือยึดติดกับบางสิ่งที่ทำให้รู้สึกดี ซึ่งอาจเป็นยาเสพติด การพนัน หนังโป๊ หรือโซเชียลมีเดีย
ประเด็นสำคัญ คือ ทั่วโลกประกาศสงครามกับยาเสพติดมานับร้อยปีแล้ว แต่ไม่สามารถพิชิตยาเสพติดและคนติดยาได้ คำตอบอยู่ที่รัฐแอริโซนา สหรัฐอเมริกา โจฮานน์พบนักโทษหญิงสวมเสื้อยืดเขียนคำว่า “ฉันเป็นคนติดยา” ถูกล่ามโซ่เดินไปตามถนนเพื่อทำความสะอาดสุสาน นี่เป็นหนึ่งในวิธีปฏิบัติต่อผู้ติดยาทั่วโลก นั่นคือ ลงโทษประจานและแยกพวกเขาออกจากสังคม เมื่อคนเหล่านี้พ้นโทษพวกเขาก็จะถูกสังคมรังเกียจ ไม่สามารถหางานทำและใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วไปได้ จึงหวนกลับไปเสพยาหรือใช้ชีวิตในเรือนจำซ้ำอีก
โจฮานน์ เขาบอกว่ามีเพียงที่เดียวในโลกที่แก้ปัญหาคนติดยาด้วยมุมมองใหม่ คือ โปรตุเกส ในปี ค.ศ. 2000 โปรตุเกสเป็นประเทศที่มีปัญหายาเสพติดร้ายแรงที่สุดในยุโรป หลังจากใช้วิธีลงโทษตีตราและทำให้ละอาย แต่ปัญหายังไม่ดีขึ้น รัฐบาลจึงระดมสมองและได้แนวทางใหม่ คือ การนำเงินที่ใช้เพื่อขจัดยาเสพติดและตัดคนติดยาออกจากสังคมมาใช้เพื่อเชื่อมโยงพวกเขาเข้ากับสังคมอีกครั้ง เมื่อคนเหล่านี้พ้นโทษรัฐบาลจะส่งพวกเขากลับคืนสู่สังคมด้วยการสร้างงาน ผลลัพธ์ คือ 15 ปีผ่านไป อัตราการใช้ยาลดลง 50 เปอร์เซ็นต์ และอัตราการติดเชื้อเอชไอวีก็ลดลงด้วย
ย้อนกลับมาสู่ทั้งสังคมโลกและสังคมไทยยุคปัจจุบัน แม้คนส่วนใหญ่จะไม่ได้ติดยาเสพติด แต่คนไม่น้อยเสพติดโซเชียลมีเดีย การกิน และช็อปปิ้ง ซึ่งนักจิตวิทยา กล่าวว่า มักเกิดจากการขาดความเชื่อมโยงสัมพันธ์ แม้คุณจะอ้างว่ามีเพื่อนในโซเชียลมีเดียเป็นร้อยเป็นพัน แต่ลองถามตัวเองดูว่า ในยามที่คุณเดือดร้อนต้องการความช่วยเหลือหรืออยากมีเพื่อนพูดคุยเรื่องส่วนตัว คุณมีเพื่อนสักกี่คนที่สามารถพูดคุยได้อย่างเปิดใจ ยิ่งไร้เพื่อนก็ยิ่งโดดเดี่ยวและกระโดดเข้าไปสู่วังวนของโซเชียลมีเดียมากขึ้นๆ เมื่อรู้ถึงต้นตอของปัญหา จึงน่าจะดีกว่าที่จะถอนตัวจากหน้าจอ มองหาและผูกมิตรพูดคุยกับคน “ตัวเป็นๆ” มากขึ้น ส่วนคนที่อยู่รอบข้างก็ควรจะใส่ใจพูดคุยดูแลคนเหล่านี้มากขึ้นด้วยเช่นกัน
โจฮานน์ สรุปในตอนท้ายว่า จากประสบการณ์ในการเยียวยาคนติดยาในครอบครัวของเขา สารสำคัญที่สามารถใช้ได้กับคนติดยาและการเสพติดชนิดอื่นๆ คือ “คุณไม่ได้อยู่ลำพัง” และ “ฉันรักเธอ” และเราควรมาร้องเพลงรักแทนการร้องเพลงประกาศสงครามกับยาเสพติด เพราะคำตรงข้ามของการเสพติดไม่ใช่คำว่าปกติหรือปราศจากสารมึนเมา แต่คือ การเชื่อมโยงสัมพันธ์กัน


