พระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระปิยมหาราช ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม
วันศุกร์ที่ 25 ก.ย. 2558 นับเป็นมงคลสมัยอีกครั้ง ด้วยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
โดย...ส.สต
วันศุกร์ที่ 25 ก.ย. 2558 นับเป็นมงคลสมัยอีกครั้ง ด้วยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์มาทรงเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์ ณ วัดราชบพิธ และนับเป็นการเริ่มโครงการบูรณปฏิสังขรณ์พระอาราม ในพระบรมราชูปถัมภ์ เนื่องในโอกาส 150 ปีแห่งการสถาปนาวัด ซึ่งจะมาถึงในเดือน ม.ค. 2563
การดำริสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 มีขึ้นเมื่อวันที่ 23 ต.ค. 2553 อันเป็นวาระ 100 ปีแห่งการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระปิยมหาราช เมื่อได้มีสาธุชนบริจาคเงินร่วมบำเพ็ญกุศลพอสมควร เพียงพอที่จะสร้าง “พระบรมราชานุสาวรีย์” เพื่อเป็นพระบรมราชานุสรณ์ถึงพระองค์ สมเด็จพระมหามุนีวงศ์ เจ้าอาวาส จึงถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อทรงทราบ ทั้งนี้ ทรงพระมหากรุณาพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ดำเนินการสร้างได้
พล.อ.ต.อาวุธ เงินชูกลิ่น อดีตอธิบดีกรมศิลปากรผู้ล่วงลับ และคณะช่างจากกรมศิลปากรเป็นผู้ออกแบบ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ สนับสนุนการสร้างแท่นฐานพร้อมปรับภูมิทัศน์ องค์พระบรมรูปมีขนาดเท่าครึ่งของพระองค์จริง ในพระราชอิริยาบถประทับบนพระราชยาน ทรงเครื่องต้นอย่างขัตติยราชตามหลักฐานปรากฏในพระบรมฉายาลักษณ์ซึ่งฉายในโอกาสเสด็จพระราชดำเนินมาบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดราชบพิธ แต่การสร้างพระบรมรูปนี้มิได้ทรงพระชฎา ตามราชประเพณีที่เมื่อเสด็จพระราชดำเนินเข้าสู่เขตพระอาราม จะทรงเปลื้องศิราภรณ์ที่ทรงมาออก ณ พลับพลาเปลื้องเครื่องก่อนเสด็จพระราชดำเนินเข้าสู่เขตพุทธาวาส
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเททองหล่อพระบรมรูป เมื่อวันที่ 18 ต.ค. 2557 นับเป็นมงคลอย่างยิ่งแก่การดำเนินงานจัดสร้าง
พระพรหมมุนี (สุชิน) ผู้ช่วยเจ้าอาวาส บอกเล่าว่า รูปแบบพระบรมรูปพระปิยมหาราชทรงเครื่องต้น ประทับบนพระราชยานพุดตานทอง แต่ไม่ได้ทรงพระชฎา ยังไม่เคยปรากฏว่ามีที่ใดสร้างมาก่อน จึงนับเป็นลักษณะเฉพาะแบบนี้แห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย พร้อมทั้งงดงามถูกต้อง
นอกจากนี้ ยังประดิษฐานบนแท่นหินอ่อนสีขาวจากเมืองคารารา ประเทศอิตาลี ซึ่งเป็นหินอ่อนชนิดที่สมเด็จพระปิยมหาราชโปรดปรานยิ่งนัก เหนือฉากหลังพระบรมรูป แกะสลักหินอ่อนเป็นรูปตราแผ่นดินแบบเดียวกับที่โปรดเกล้าฯ ให้ปั้นไว้เหนือกรอบประตูพระอุโบสถ
ฝีมือแกะสลักหินอ่อน โดย นที เกวลกุล ประติมากรมือหนึ่งคนหนึ่งของไทย ซึ่งปั้นแบบพระรูปสมเด็จพระสังฆราช วัดบวรนิเวศวิหาร ในขณะนี้
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสถาปนาวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เป็นพระอารามประจำรัชกาล เมื่อปีพุทธศักราช 2412 เสด็จพระราชดำเนินมาทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐินเป็นประจำทุกปี นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของสุสานหลวง ซึ่งบรรจุพระศพ พระอัฐิ และพระอังคารของสมาชิกราชสกุลในมหาสาขารัชกาลที่ 5 ด้วย
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เชิญพระนพปฎลมหาเศวตฉัตรที่กางกั้นพระโกศพระบรมศพรัชกาลที่ 5 มากางกั้นถวายพระพุทธอังคีรส ประธานพระอุโบสถ เป็นพุทธบูชา อีกทั้งยังมีพระบรมอัฐิส่วนหนึ่งบรรจุอยู่ใต้ฐานพระพุทธอังคีรส จนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว แม้ไม่ได้ทรงสถาปนาวัดประจำรัชกาล แต่ก็ทรงบูรณปฏิสังขรณ์วัดราชบพิธเป็นการใหญ่ จึงอนุโลมว่าเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 7 ด้วย
วัดราชบพิธอันงดงามวิจิตรบรรจงในเชิงช่างสารพัดแขนง และสงบงามในฐานะพระอารามหลวงซึ่งเป็นเสาหลักสำคัญแห่งพระบวรพุทธศาสนาในประเทศไทย เคยมีเจ้าอาวาสเป็นสมเด็จพระสังฆราชถึงสองพระองค์ กล่าวคือ พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า และ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (วาสนมหาเถร) สมเด็จพระสังฆราช นั้น ก่อกำเนิดและมั่นคงเป็นศรีสง่ามาได้จนทุกวันนี้ ก็ด้วยเดชะพระบารมีในรัชกาลที่ 5 เป็นปฐมเหตุนั้นเอง


