จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เปิดสำนักงาน อสท.
ภาพเก่าเล่าเรื่องวันนี้ เป็นภาพจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรี ที่ด้านหน้าสำนักงานใหญ่
โดย...ส.สต
ภาพเก่าเล่าเรื่องวันนี้ เป็นภาพจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรี ที่ด้านหน้าสำนักงานใหญ่ อ.ส.ท. อาคาร 2 ถนนราชดำเนินกลาง เมื่อวันที่ 24 เม.ย. 2505 ตีพิมพ์ในหนังสือครบรอบ 25 ปี การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ. 2528
เมื่อปี พ.ศ. 2528 อ.ส.ท.เปลี่ยนฐานะเป็นการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย มีผู้ว่าการการท่องเที่ยวฯ นามว่า พ.อ.สมชาย หิรัญกิจ ตั้งสำนักงานที่ถนนราชดำเนินนอก หรือปัจจุบันคือที่ตั้งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
ส่วนที่ตั้งสำนักงานใหญ่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยแห่งใหม่ ตั้งอยู่ที่เลขที่ 1600 ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี
หนังสือครบรอบ 25 ปี การท่องเที่ยวฯ เล่าเรื่องการก่อกำเนิดองค์กรว่า เริ่มจากเป็นองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยขึ้นมาก่อน กล่าวคือ ปี พ.ศ. 2501 ขณะที่จอมพลสฤษดิ์กำลังพักรักษาตัวอยู่ ณ โรงพยาบาลวอลเตอร์รีด สหรัฐ ได้ศึกษากิจการท่องเที่ยวด้วยความสนุกใจ และได้ดำริที่จะส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในประเทศไทยอย่างจริงจัง เนื่องจากได้เล็งเห็นผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่จะได้จากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ซึ่งกำลังตื่นตัวอยู่ในยุโรปและสหรัฐ
ด้วยเหตุที่ประเทศไทยมีทรัพยากรทางการท่องเที่ยวพร้อมที่จะพัฒนาเพื่อการท่องเที่ยวอยู่แล้ว ประกอบกับประชาชนชาวไทยมีความเป็นมิตรต่อบุคคลทั่วไป มีวิธีดำเนินชีวิตที่น่าศึกษาแก่ชาวต่างประเทศ นอกจากนี้กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นศูนย์กลางของประเทศ ก็เต็มไปด้วยสิ่งที่น่าสนใจ เช่น วัดวาอาราม พิพิธภัณฑ์ ตลาด ร้านค้า นาฏศิลป์ไทย ซึ่งล้วนเป็นสิ่งดึงดูดใจให้นักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศไทยทั้งสิ้น ถ้าได้มีการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างจริงจัง
ดังนั้น ในปี พ.ศ. 2502 ภายหลังจากที่ได้มีการจัดตั้งรัฐบาลของคณะปฏิวัติโดยมีจอมพลสฤษดิ์เป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว จึงได้มีประกาศพระราชกฤษฎีกาจัดแบ่งส่วนราชการ กรมประชาสัมพันธ์ พ.ศ. 2502 โดยตัด “สำนักงานท่องเที่ยว” ออกไป แล้วจัดตั้งขึ้นเป็นองค์การอิสระเรียกว่า “องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย” มีชื่อย่อว่า “อ.ส.ท.”
ตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยว พ.ศ. 2502 ให้มีกรรมการ 11 คน ถนัด คอมันตร์ รมว.ต่างประเทศ เป็นประธานกรรมการ พล.อ.สุรจิต จารุเศรณี เป็นผู้อำนวยการ แต่ขอลาออก ที่ประชุมคณะกรรมการได้แต่งตั้งให้ พล.ท.เฉลิมชัย จารุวัสตร์ ซึ่งขณะนั้นมียศเป็นพันเอก เป็นผู้อำนวยการ โดยความเห็นชอบของนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 15 ม.ค. 2503
สถานที่ทำการขององค์การ ในระยะแรกได้อาศัยอาคารของกรมประชาสัมพันธ์เป็นสำนักงาน ต่อมาเห็นว่ากิจการส่งเสริมการท่องเที่ยวกว้างขวางมากและจะต้องติดต่อกับชาวต่างประเทศ จึงได้บูรณะอาคารของกรมศาสนาเดิม ซึ่งตั้งอยู่ที่ถนนศรีอยุธยา บริเวณสนามเสือป่า เป็นสำนักงาน และทำพิธีเปิดเมื่อวันที่ 26 ก.พ. 2503
ส่วนพิธีเปิดองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จัดขึ้นวันที่ 18 มี.ค. 2503 โดยจอมพลสฤษดิ์ เป็นประธาน ท่านได้กล่าวสุนทรพจน์อันแสดงถึงแนวความคิดที่จะพัฒนาการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างจริงจังดังนี้
“เราได้เปิดสำนักงานคณะกรรมการพิจารณาเรื่องการลงทุนขึ้นแล้ว ได้จัดตั้งสภาพัฒนาการเศรษฐกิจแห่งชาติขึ้นในลำดับต่อมา และบัดนี้เรากำลังชุมนุมกันอยู่ ณ ที่นี้เพื่อเปิดสำนักงานองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวขึ้นอีก ซึ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเครื่องมืออันสำคัญที่จะสร้างสรรค์ความเจริญทางเศรษฐกิจให้แก่ประเทศชาติอันเป็นที่รักของเราทั้งสิ้น
ผลประโยชน์ที่รัฐจะพึงได้จากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวนี้ หาเป็นรายได้ที่จะบังเกิดขึ้นแก่รัฐบาลโดยตรงเป็นส่วนใหญ่ไม่ แต่จะเป็นรายได้ที่กระจายออกไปยังบุคคลหลายชั้นหลายอาชีพและเป็นรายได้ที่มองไม่เห็น
แต่ที่สำคัญที่สุดกิจการอันนี้จะเผยแพร่วัฒนธรรมและคุณธรรมของประชาชนชาวไทยให้เป็นที่ปรากฏแก่ชาวโลก อันจะยังความนิยมยกย่องให้บังเกิดสืบเนื่องอีกด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือว่ามีค่าเหนือกว่าเงินตรา”
แนวความคิดนี้ได้สะท้อนให้เห็นถึงนโยบายของรัฐในขณะนั้น ที่ได้มุ่งถึงการท่องเที่ยวว่าเป็นกิจการที่มีระดับความสำคัญมาก ในการที่จะช่วยให้เกิดความเจริญทางเศรษฐกิจ มาตรการของการส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการพัฒนากิจการท่องเที่ยวอาจถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของแผนการพัฒนาการของประเทศ เพราะรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวได้ให้ประโยชน์แก่เศรษฐกิจของประเทศอย่างมาก
ต่อมาเมื่อการดำเนินงานขององค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้ขยายออกไปอย่างกว้างขวาง ก็ได้มีการเปิดสำนักงานใหญ่ที่อาคาร 2 ถนนราชดำเนินกลาง เมื่อวันที่ 24 เม.ย. 2505
ปัจจุบันเป็นรัฐวิสาหกิจขึ้นอยู่กับกระทรวงการท่องเที่ยวฯ มีสำนักงานใหญ่ที่ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ นับเป็นองค์กรที่สร้างรายได้ให้แก่ประเทศชาติที่ไม่สามารถจะประเมินได้
ทั้งหมดนี้เกิดจากความคิดและสายตากว้างไกลของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ จอมพลผ้าข้าวม้าแดง ที่ถึงอสัญกรรมขณะที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 2506 แต่ผลงานท่านยังยั่งยืน


