เด็กพิจิตรป่วยโรคธาลัสซีเมียพุ่งกว่า 300 คน
โรงพยาบาลพิจิตรเผยพบผู้ป่วยโรคธาลิสซีเมียในเด็กกว่า 300 คนเหตุคู่รักก่อนมีบุตรขาดใส่ใจตรวจโรคโลหิตจาง
โรงพยาบาลพิจิตรเผยพบผู้ป่วยโรคธาลิสซีเมียในเด็กกว่า 300 คนเหตุคู่รักก่อนมีบุตรขาดใส่ใจตรวจโรคโลหิตจาง
พ.ญ.สุนทรีย์ ไกรวีระเดชาชัย กุมารแพทย์ประจำโรงพยาบาลพิจิตร กล่าวถึงสถานการณ์ผู้ป่วยเด็ก“โรคธาลัสซีเมีย” หรือ โรคโลหิตจาง ว่า ขณะนี้ถือได้ว่าเข้าขั้นวิกฤติ เพราะเป็นโรคที่มีผลต่อชีวิตของเด็กและสังคมด้านสุขภาพ กล่าวคือ ขณะนี้เฉพาะที่ รพ.พิจิตร พบผู้ป่วยแล้วมากกว่า 300 ราย ที่ต้องเข้ารับการรักษาเป็นประจำเกือบทุกเดือนตามที่แพทย์นัด เหตุเกิดจากพันธุกรรมที่ พ่อ – แม่ ถ่ายทอดมายังเลือดของลูก เนื่องจากคู่สมรสต่างมีเชื้อโลหิตจางหรือ “โรคธาลัสซีเมีย” เมื่อมีลูกโรคจึงสืบทอดมา
โดยสามารถแบ่งผู้ป่วยเป็น 3 กลุ่ม คือ มีเชื้อในกระแสโลหิตขั้นรุนแรงแสดงอาการ , กลุ่มภาวะแฝงไม่แสดงอาการแต่สามารถถ่ายทอดโรคไปยังบุตร และ กลุ่มเสี่ยง อาการที่แสดงต่อเด็กและทารก ที่อุบัติขึ้นในคนไทยมีสถิติสูงถึงร้อยละ 1 หรือ ประมาณ 6 แสนคน และ 2 แสนคนต้องทนทุกข์กับความรุนแรง , ตัวซีดมาก , อ่อนเพลีย ,ม้ามโต ,การเจริญเติบโตของร่างกายช้า ,หน้าตาเปลี่ยน ,ร่างกายอ่อนแอ , เสี่ยงต่อภาวะหัวใจล้มเหลว ,อายุขัยสั้น , ต้องให้เลือดบ่อย มีภาวะธาตุเหล็กเกิน อายุจะไม่ยืน ถ้าจะรักษาให้หายต้องใช้วิธีการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด ซึ่งจะต้องเสียค่าใช้จ่ายหลายแสนบาท
แนวทางการป้องกัน คือ ก่อนมีบุตร สามี – ภรรยา ควรมีการตรวจ“โรคธาลัสซีเมีย” มิฉะนั้นถ้ามีลูกออกมาแล้วเป็นโรคดังกล่าว ผลกระทบก็จะตกกับลูกที่เกิดมาที่ต้องเจ็บไข้ได้ป่วย แล้วก็จะต้องวิ่งเข้า – ออก โรงพยาบาลเพื่อเปลี่ยนถ่ายโลหิต ซึ่งโรคดังกล่าวจึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้โลหิตขาดแคลนในขณะนี้ เพราะต้องนำมาใช้เพื่อเปลี่ยนถ่ายให้กับผู้ป่วย ซึ่งพ่อ – แม่ หรือ พี่น้อง บางรายก็มิอาจบริจาคโลหิตช่วยได้ เนื่องจากมีเชื้อทางพันธุกรรม
สำหรับกิจกรรมดังกล่าว นพ.วิริยะ เอี๊ยวประเสริฐ รอง ผอ.โรงพยาบาลพิจิตร จึงได้ร่วมกับคณะแพทย์และพยาบาลจัดกิจกรรมค่ายผู้ป่วยเด็ก “โรคธาลัสซีเมีย” ขึ้น ณ ห้องประชุม รพ.พิจิตร โดยมีเด็กและผู้ปกครองกว่า 150 คน ร่วมเข้าค่ายกิจกรรมดังกล่าว ทั้งนี้เพื่อแลกเปลี่ยนประสพการณ์ในหมู่ผู้ปกครองในการดูแลบุตรที่ต้องป่วยด้วยโรค ดังกล่าว
โดยมีการจัดแบ่งเป็นความรู้ 5 ฐาน ได้แก่ ทดสอบความรู้เรื่อง “โรคธาลัสซีเมีย” ,อาหารการกินของผู้ป่วยที่จะส่งผลดีต่อสุขภาพ อะไรควรกินอะไรไม่ควรกิน การดูแลตัวเองของผู้ป่วย เมื่อเกิดมีอาการรุนแรงจะมีวิธีใดในการดูแลก่อนที่จะถึงมือแพทย์ และการออกกำลังกายอย่างไรให้พอดีกับสุขภาพและเป็นภูมิคุ้มกันโรคดังกล่าว
นางจรินญา สุขเกษ อายุ 33 ปี อาชีพทำการเกษตร อยู่บ้านเลขที่ 107 หมู่ 3 ต.ดงเสือเหลือง องโพธิ์ประทับช้าง จ.พิจิตร ที่เป็นคุณแม่ลูก 2 คน กล่าวว่า ลูกทั้งสองคนเป็น“โรคธาลัสซีเมีย” มีความทุกข์มาก ต้องวิ่งเข้า – ออก โรงพยาบาลทุกเดือน ลูกสาวคนเล็กแสดงอาการรุนแรงต้องเปลี่ยนถ่ายโลหิตแล้ว 5 ครั้งมีอาการ ตัวซีด , ร่างกายอ่อนแอ สารพัดอาการแทรกซ้อน แต่ยังโชคดีลูกชายคนโตไม่แสดงอาการ
นางจรินญา กล่าวอีกว่า ก่อนที่จะมีลูกก็ศึกษาเรื่องดังกล่าวแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจจริงๆ รู้แค่ผ่านๆ หมอก็แนะนำว่าถ้ามีบุตร โอกาสเสี่ยงสูง แต่ก็อยากมีพยานรักจึงตัดสินใจมีลูก แต่สุดท้ายไม่คิดว่าแค่เป็นโรคโลหิตจางแค่นี้ จะทำให้ลูกที่เกิดมาต้องลำบากทั้งชีวิต เพราะต้องป่วยตลอดชีวิตไม่แข็งแรงอย่างเด็กทั่วไป
ดังนั้นจึงอยากขอฝาก พ่อแม่ ท่านอื่นๆ ที่คิดจะมีบุตร ควรดูแลสุขภาพให้ดี ควรเชื่อคำแนะนำของแพทย์ก่อนที่จะมีบุตร มิฉะนั้นจะต้องทนทุกข์ทั้งครอบครัวและสินเปลืองค่าใช้จ่ายจากการเป็นโรค ดังกล่าว ถ้ารู้เช่นนี้ก็จะไม่ให้กำเนิดลูกให้เกิดมาเผชิญกับชะตากรรมเช่นนี้ แต่เมื่อให้กำเนิดมาแล้วก็ต้องรักและรับผิดชอบกับผลที่เกิดขึ้น คุณแม่ลูกสองกล่าวแบบเศร้าใจและกล่าวเป็นอุทธาหรณ์ทิ้งท้าย


