ต่างชาติชี้ไทยนิยมขาวส่อเหยียดผิว
เมื่อพูดถึง “ความขาว” ยังคงเป็นวาทกรรมที่คนในสังคมไทยยึดถือ ซึ่งวาทกรรมดังกล่าวฝังรากลึกลงในความเชื่อของคนในสังคมผ่านการโฆษณาและการศึกษา โดยสื่อต่างชาติระบุว่าพฤติกรรมความเชื่อดังกล่าวยังแสดงถึง “การเหยียดผิว” ของคนไทย
เมื่อพูดถึง “ความขาว” ยังคงเป็นวาทกรรมที่คนในสังคมไทยยึดถือ ซึ่งวาทกรรมดังกล่าวฝังรากลึกลงในความเชื่อของคนในสังคมผ่านการโฆษณาและการศึกษา โดยสื่อต่างชาติระบุว่าพฤติกรรมความเชื่อดังกล่าวยังแสดงถึง “การเหยียดผิว” ของคนไทย
เจมส์ ออสติน คอลัมนิสต์จากเอเชียน คอร์เรสพอนเดนท์ เว็บไซต์ข่าวและการวิเคราะห์ในภูมิภาคเอเชีย เปิดเผยว่า ในประเทศไทยปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์เพื่อความขาวออกมามากมายตามร้านขายยา อีกทั้งมีการโฆษณาที่สร้างความเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับคนดำ ส่งผลให้เกิดการแบ่งแยกโดยใช้สีผิว โดยใช้คนผิวดำเป็นสัญลักษณ์แทนความยากจนและการทำงานหนัก ขณะที่คนผิวขาวเป็นสัญลักษณ์แทนความร่ำรวยและชีวิตในเมือง
ออสติน ระบุว่า โฆษณาเครื่องดื่มกลูตาเบอร์รี่แบบผงชงชนิดหนึ่งที่มีการโฆษณาในโทรทัศน์นั้น ถือเป็นการอ้างเหตุผลที่ล้มเหลว โดยโฆษณาต้องการจะสื่อว่า คนผิวดำมักจะถูกพูดถึงในทางที่ไม่ดี ดังนั้น หากดื่มเครื่องดื่มดังกล่าวจะทำให้ขาวขึ้นทันตาเห็น ซึ่งก็มีนัยของการเหยียดผิว
อีกกรณีหนึ่งซึ่งออสตินระบุว่า ส่อถึงการเหยียดผิวของไทยคือ ป้ายสื่อการเรียนการสอนของไทยที่ปรากฏในโซเชียลเน็ตเวิร์ก โดยเป็นรูปการ์ตูนประกอบคำศัพท์ภาษาอังกฤษ โดยใช้รูปการ์ตูนคล้ายนักร้องเกาหลีแทนคำว่า “หล่อ” ในขณะที่ใช้รูปคล้ายเด็กผู้หญิงญี่ปุ่นแทนคำว่า “น่ารัก” ส่วนคำว่า “สวย” ใช้รูปการ์ตูนคล้ายหญิงสาวผมยาวชาวตะวันตก
อย่างไรก็ตาม ในการอธิบายคำว่า “อั๊กลี่” หรือน่าเกลียดกลับปรากฏเป็นรูปการ์ตูนคล้ายชายชาวแอฟริกันผิวดำที่เจาะหูสองข้าง
ออสตินเสริมจากเหตุการณ์ดังกล่าวว่า หากวิธีการคิดและการสอนของไทยยังเป็นเช่นนี้ ไม่อยากเชื่อเลยว่าชุดความคิดและวิธีการสอนในอีกหลายครอบครัวคนไทยจะเป็นอย่างไร
ออสตินกล่าวอีกว่า ครูผิวดำชาวอเมริกันคนหนึ่ง ถูกปฏิเสธการจ้างงานจากโรงเรียนไทย ด้วยเหตุผลที่ว่าครูผิวดำคนดังกล่าวจะทำให้นักเรียนในโรงเรียนตกใจกลัว
อย่างไรก็ตาม ออสตินเปิดเผยจากบทความเรื่อง “บีอิ้งแบล็กอินไทยแลนด์” เมื่อปี 2014 ที่สัมภาษณ์ชาวต่างชาติผิวดำในเมืองไทยว่า ชาวต่างชาติผิวดำรู้สึกถึงการเป็นจุดสนใจในเมืองไทยเช่นกัน แต่ไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องการเหยียดสีผิว
เช่นเดียวกับ อลิกซ์ เชฟเฟิร์ด นักศึกษาชาวอเมริกันในเมืองไทย มองว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ใช่การเหยียดผิว แต่เกิดจากคนไทยยังไม่ชินกับการเปิดรับกับโทนสีผิวที่แตกต่างมากพอ และเชื่อว่าเมื่อเวลาผ่านไปคนไทยจะสามารถเปิดรับได้มากขึ้นด้วยนิสัยใจคอคนไทยที่สามารถต้อนรับสิ่งใหม่ๆ ได้ง่าย
อย่างไรก็ตาม ออสติน อ้างข้อมูลจาก “แก้วมาลา” นักเขียนไทยเจ้าของผลงานหนังสือแนววิพากษ์วิจารณ์สังคมว่า คนไทยยังมีความไม่ชอบและไม่ไว้ใจต่อคนผิวดำชาวเมียนมาและอินเดีย อีกทั้งยังรู้สึกแบ่งแยกชาวไทยอีสาน ชาวไทยมาเลเซีย และประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเป็นผลมาจากระบบการศึกษาที่เน้นชาตินิยมที่สั่งสอนว่า ไทยดีกว่าประเทศอื่น
ออสติน ทิ้งท้ายว่า เมื่อคนไทยลดการสร้างการครอบงำแบบไทยๆ และมีวาทกรรมที่ถูกต้อง เมื่อนั้นก็ไม่ต้องมีใครกังวลเรื่องสีผิวของตัวเองอีกต่อไป


