"ผมทะเลาะกับอธิบดีทุกสมัย"...สมัคร ดอนนาปี ข้าราชการนักบู๊แห่งกรมอุทยานฯ

โดย...อินทรชัย พาณิชกุล

"สิ่งที่เจอวันนี้สาหัสสากรรจ์มาก จะตรวจสอบอะไรก็ไม่ได้ แถมยังถูกกลั่นแกล้ง อยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์ ผมเหนื่อยมาพอแล้ว ขอลาออกไปต่อสู้ข้างนอกดีกว่า"

ปฏิเสธไม่ได้ว่า การยื่นใบลาออกของ สมัคร ดอนนาปี ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) สร้างแรงกระเพื่อมในแวดวงข้าราชการป่าไม้อย่างมีนัยสำคัญ

เพราะชื่อ สมัคร ดอนนาปี มิใช่ข้าราชการโนเนม หากแต่เป็นข้าราชการที่มีประวัติโลดโผนไม่ธรรมดา

ลูกชาวจีนฐานะยากจน อ.บันนังสตา จ.ยะลา สำเร็จการศึกษาจากคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ รุ่นที่ 47 ก่อนบรรจุเข้ารับราชการในตำแหน่งหัวหน้างานรังวัดสงวนป่า ฝ่ายจัดการที่ดินและป่าไม้ กรมป่าไม้ จ.สระบุรี หลังพบเห็นการทุจริตคอร์รัปชั่นเรื่องการเบิกจ่ายเงิน จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชารับทราบเพื่อแต่งตั้งคณะกรรมการสอบ ปรากฎว่ากลับถูกเด้งฟ้าผ่าเสียเอง

ต่อมา ขณะดำรงตำแหน่งหัวหน้าศูนย์ควบคุมไฟป่าภาคเหนือตอนล่าง เห็นการทุจริตเรื่องการจ้างคนไม่เหมาะสม จึงร้องเรียนไปยังผู้อำนวยการสำนักไฟป่าในขณะนั้น แต่เขาก็ถูกย้ายออกจากพื้นที่อีกครั้ง ไปเป็นหัวหน้าศูนย์ต้นน้ำ จ.สุรินทร์ ยังต้องเจอปัญหาผู้ใต้บังคับบัญชามีพฤติการณ์ทุจริตเงินคนงาน จนถูกชาวบ้านประท้วง ทำให้ต้องตัดสินใจแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการนำเงินส่วนตัวไปจ่ายให้ แต่กลับถูกมองว่าเป็นการกระทำที่ผิดวินัย ในที่สุดก็ถูกนายปลอดประสพ สุรัสวดี อธิบดีกรมป่าไม้สมัยนั้นเซ็นคำสั่งให้ออกจากราชการ

"ถ้าอยู่เฉยๆผมก็อยู่รอดปลอดภัย แต่ผมดันไปรายงานว่าไอ้คนนี้มีพฤติการณ์ส่อไปในทางทุจริต เจอคนไหนผมรายงานคนนั้น กลายเป็นว่าเจอบัตรสนเท่ห์ลงชื่อนายหมูนายหมาที่ไหนก็ไม่รู้ สร้างข้อกล่าวหาลอยๆใส่ร้าย เขาหมั่นไส้หาว่าผมอหังการ หยิ่งยะโส ไม่เข้าหาผู้หลักผู้ใหญ่ ทั้งที่คำร้องเรียนของเรามีหลักฐานครบถ้วนกลับไม่มีการดำเนินการอะไร แต่แค่บัตรสนเท่ห์ใบเดียว ผมถูกตั้งคณะกรรมการสอบวินัย

การถูกไล่ออกจากราชการถือว่าร้ายแรงที่สุดในชีวิตแล้ว หนังสือพิมพ์ ทีวีออกข่าวผมจนอับอายขายขี้หน้าไปทั้งเมือง พรรคพวกไม่มีใครกล้าช่วยเหลือ เพราะโดนขู่ว่าถ้ายุ่งเจอสั่งย้ายแน่ ผมว่างงานอยู่ 3 ปีกับอีก 2 เดือน อยู่บ้านเลี้ยงลูก ขณะเดียวกันก็ตระเวนไปตามล้วงตามเจาะ รวบรวมหลักฐานเพื่อมาต่อสู้คดี ผมว่าความด้วยตัวเอง เอาข้อเท็จจริงเข้าสู้ ไม่คิดยอมแพ้ เพราะไม่มีอะไรจะต้องกลัวอีกแล้วสำหรับคนที่หลังพิงฝา"ข้าราชการลูกหม้อกรมป่าไม้วัย 59 น้ำตาซึมขณะเล่าถึงวันเก่าๆ

ผลงานการต่อสู้กับความไม่เป็นธรรมที่ทำให้เป็นรู้จักอย่างกว้างขวางคือ การตรวจสอบการออกโฉนดบริเวณหาดฟรีดอมบีช หรือป่าสงวนแห่งชาติเขานาคเกิด จ.ภูเก็ต จนนำไปสู่การดำเนินคดีข้าราชการที่เกี่ยวข้อง การยื่นเรื่องฟ้องร้องนายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี ต่ออัยการสูงสุด เพื่อให้ติดตามความคืบหน้ากรณีส่งเสือโคร่ง 100 ตัวไปประเทศจีน จนทำให้คดีที่ใกล้หมดอายุความ ได้รับการเร่งรัดอีกครั้ง

ทว่ากรณีที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างครึกโครมคือ การประกาศไม่ยอมขอขมาต่อ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กรณีโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวระบุถึงปัญหาการสรรหารองอธิบดี 10 ตำแหน่งที่มีเรื่องการเมืองเข้ามาแทรกแซง จนเป็นที่มาของการถูกตั้งกรรมการสอบวินัย เมื่อเร็วๆนี้

สมัครยอมรับว่า นิสัยส่วนตัวเป็นคนโผงผาง ไม่ยอมก้มหัวให้ความไม่ถูกต้อง ไม่มีเส้นสาย ไม่เคยวิ่งเต้นเข้าหาผู้ใหญ่ ไม่เคยเรียกเก็บเงินใครแม้แต่บาทเดียว 

"ทุกวันนี้จะรู้กันว่าใครเดือดเนื้อร้อนใจ ถูกกลั่นแกล้ง ถูกสอบอย่างไม่เป็นธรรม ก็จะวิ่งมาให้ผมช่วยทั้งนั้น เพราะเขารู้ว่าผมเจอมาหมดแล้ว ผมทะเลาะกับอธิบดีทุกสมัย แต่แปลกตรงว่าขณะที่เจ้านายไม่ชอบหน้า ผมกลับได้ผลประเมินสูง"เขาหัวเราะ พลางเล่าต่อว่า

“เจ้ากระทรวงคือนักการเมืองก็คล้ายๆกันหมด ทุกครั้งบอกว่านโยบายหลักต้องโปร่งใส แต่มันก็แค่ทฤษฎี ในทางปฏิบัติมันไม่ใช่ แน่นอนว่าไม่มีหลักฐานหรอก ทุกครั้งที่มีเรื่องก็อ้างไม่รู้ไม่เห็น ทุกคนมีผลประโยชน์ต่างตอบแทน อย่างเวลามีปัญหาทุจริต ก็จะตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง แต่พอสืบได้ความว่ามีมูล กว่าจะตั้งสอบวินัย บางปียังไม่คืบหน้า บางเรื่องเงียบหาย ส่วนใหญ่จะมีพรายกระซิบคอยสะกิดเตือนกันตลอด

ตำแหน่งที่ผมนั่งอยู่ ใครๆก็อยากมา เพราะคนวิ่งเข้าหาเยอะ พูดง่ายๆจะเอา 30 ล้านก็ได้ ถ้าตั้งใจเข้ามาทำมาหากินเผลอๆได้มากกว่านี้อีก วันๆไม่ทำงานออกแต่ข้างนอกกลับมากระเป๋าพอง พวกนี้ผมรังเกียจมาก เพราะเสียหายทั้งระบบ คน ทรัพยากรธรรมชาติ ที่ผ่านมาผมไม่มีใครเข้าหา เพราะเขารู้ว่าผมไม่เอา บางทีมีคนเอาตังค์มาให้ดื้อๆ ผมก็ไล่ให้เอาไปคืน เลยเหมือนว่าผมนั่งขัดขวางคนอื่นอยู่"

เขาย้ำหนักแน่น หากทุจริตเรียกเก็บส่วยอย่างที่ถูกกล่าวหาจริง คงร่ำรวยมีบ้านหลังใหญ่ไปแล้ว ไม่นั่งวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างมาทำงาน อาศัยอยู่คอนโดมิเนียมเล็กๆร่วมกับภรรยาและลูกอีก 6 คน

มูลเหตุที่ทำให้สมัครตัดสินใจลาออกมาจากมรสุมลูกใหญ่หลายลูกที่ถาโถมเข้าใส่ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน

หนึ่ง กรณีบัตรสนเท่ห์กล่าวหาว่าเขาทุจริตเงินรายได้ของกรมอุทยานฯ

สอง การออกโฉนดที่ดินโดยมิชอบกรณีการบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติป่าเขานาคเกิด หรือหาดฟรีดอมบีช จ.ภูเก็ต ทั้งที่ผลสอบสวนทางวินัยเสร็จเรียบร้อยแล้วว่ามีข้าราชการระดับสูงหลายคนมีส่วนพัวพัน แต่กลับไม่ดำเนินการลงโทษใดๆ

สาม การดำเนินคดีเกี่ยวกับการบุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติสิรินาถที่ล่าช้าไม่คืบหน้า จนส่งผลให้คนทำงานหมดกำลังใจ

สี่ ปัญหาร้องเรียนการเก็บค่าเข้าอุทยานแห่งชาติทางทะเล ซึ่งมีผู้ประกอบการร้องเรียนว่าเจ้าหน้าที่อุทยานหลายแห่งเรียกเก็บเงินค่าเข้าโดยไม่ฉีกตั๋ว หรือไม่เก็บเงินเข้าอุทยาน แต่กลับไม่มีอำนาจดำเนินการตรวจสอบให้เกิดความโปร่งใสได้

"ตอนนี้ผมถูกให้ชี้แจง 2 เรื่อง หนึ่งคือ กรณีมีบัตรสนเท่ห์กล่าวหาว่าทุจริตเงินรายได้ของกรมอุทยานฯ ซึ่งตามระเบียบราชการและมติครม.ก็ระบุว่าการถูกร้องเรียนด้วยบัตรสนเท่ห์จะต้องมีพยานบุคคลชัดเจนเท่านั้น แต่การร้องเรียนครั้งนี้ไม่มีระบุเลยแม้แต่น้อย เรื่องที่สอง  การออกโฉนดที่ดินโดยมิชอบกรณีการบุกรุกหาดฟรีดอมบีช จ.ภูเก็ต มีตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงและวินัยเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่เอกสารตีตราลับกลับตกไปอยู่ในมือของผู้ครอบครองโฉนดที่ดินที่ออกมาโดยมิชอบ ถามว่ายุติธรรมหรือไม่ ทำไมไม่มีการดำเนินการกับข้าราชการที่ทำความผิด และเหตุใดไม่มีการตั้งคณะกรรมการสอบ สวนผู้ที่ทำเอกสารลับของทางราชการหลุดออกไป ซึ่งอาจทำให้รัฐเสียหายได้ ผมเชื่อว่าถูกกลั่นแกล้ง ส่วนปัญหาร้องเรียนการเก็บค่าเข้าอุทยานแห่งชาติทางทะเล ในฐานะที่ผมเป็นผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติ แต่ไม่มีอำนาจดำเนินการให้เกิดความโปร่งใสได้ จึงขอแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก ซึ่งจะมีผลวันที่ 9 ก.ค.นี้"

ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติรายนี้เผยว่า เมื่อตำแหน่งว่างลง จะตั้งใครมาแทนก็ขอให้เป็นคนดี เป็นคนซื่อสัตย์ อนาคตมีความเป็นไปได้ว่าจะผันตัวไปทำงานด้านอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติต่อไป

ทั้งหมดนี้คือ เส้นทางการต่อสู้ของชายชื่อ สมัคร ดอนนาปี ข้าราชการนักบู๊แห่งกรมอุทยานฯ