posttoday

ผลวิจัยชี้5ปีร้านเหล้ารอบมหาวิทยาลัยพุ่ง72%

10 มิถุนายน 2558

ผลวิจัยระบุร้านเหล้ารอบมหาวิทยาลัย งัดสารพัดกลยุทธ์สูบเงินนักศึกษา ในรอบ5ปี ขยายปริมาณเพิ่มขึ้นถึง72%เสนอรัฐเร่งออกกฎหมายโซนนิ่งคุม

ผลวิจัยระบุร้านเหล้ารอบมหาวิทยาลัย งัดสารพัดกลยุทธ์สูบเงินนักศึกษา ในรอบ5ปี ขยายปริมาณเพิ่มขึ้นถึง72%เสนอรัฐเร่งออกกฎหมายโซนนิ่งคุม

เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. ศูนย์วิจัยปัญหาสุรา (ศวส.) จัดเวทีเสวนา "ทำไมต้องควบคุมร้านขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รอบสถานศึกษา" โดยมีกลุ่มนักเรียน นักศึกษา จากสถาบันต่างๆ และผู้สนใจเข้าร่วม

ผศ.ดร.ภัทรภร  พลพนาธรรม อาจารย์คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา เปิดเผยผลงานวิจัยหัวข้อ“การกระจายตัวของจุดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รอบมหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯและปริมณฑล” ปี 2557ในรัศมี 500 เมตร  จากรั้วสถาบัน  จำนวน15 แห่ง ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มรภ.สวนดุสิต มรภ.สวนสุนันทา มรภ.บ้านสมเด็จเจ้าพระยา มรภ.ธนบุรี มรภ.จันทรเกษม ม.ศรีนครินทรวิโรฒ(ประสานมิตร) ม.หอการค้าไทย ม.เทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ ม.รามคำแหง ม.ธุรกิจบัณฑิตย์ ม.เกษตรศาสตร์ ม.รังสิต ม.ธรรมศาสตร์(รังสิต) ม.หัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ ม.มหิดล(ศาลายา) และสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง พบว่ามีทั้งสิ้น 2,869 ร้าน เมื่อเปรียบเทียบเฉพาะ11พื้นที่ที่เคยสำรวจเมื่อปี2552 พบว่า ในระยะเวลา5ปี มีจุดจำหน่ายเพิ่มขึ้น1,036ร้าน คือเพิ่มจาก1,448 ร้าน ในปี 2552 เป็น 2,484 ร้าน ในปี2557 หรือคิดเป็น72%

ทั้งนี้ม.ธุรกิจบัณฑิตย์ เป็นพื้นที่ที่มีร้านขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้นมากที่สุด คือ125% รองลงมาคือ ม.เทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ119% และสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง118% ทั้งนี้เมื่อโฟกัสไปที่สถานบันเทิงมีเพิ่มขึ้นถึง12% ในส่วนของหอพักยังมีการขายมากถึง7% ซึ่งผิดกฎหมายชัดเจน

น.ส.กนิษฐา ไทยกล้า อาจารย์สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า จากการศึกษาจุดจำหน่ายและการตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีผลต่อพฤติกรรมการดื่มของเยาวชน ในจังหวัดเชียงใหม่ เปรียบเทียบข้อมูลที่สำรวจล่าสุด ปี2557กับปี 2552และ2554พบว่า จำนวนจุดจำหน่ายปี2554 ลดน้อยลง เนื่องจากมีการบังคับใช้กฎหมาย มีการจัดโซนนิ่งอย่างจริงจัง แต่พอการบังคับใช้กฎหมายลดลง ประกอบกับความง่ายในการขอใบอนุญาตจำหน่าย ส่งผลให้ปี2557จุดจำหน่ายเพิ่มขึ้น โดยส่วนใหญ่อยู่ในระยะ  300 เมตรรอบสถานศึกษา

"ที่น่าสนใจ คือ จุดจำหน่ายแห่งหนึ่งมีการปรับระบบจำหน่าย จากเดิมเน้นขายส่งมาเป็นขายปลีกบ้างเล็กน้อย โดยมีโต๊ะให้ลูกค้านั่งพักชั่วคราว1-2 โต๊ะ ได้ปรับขยายฐานลูกค้าปลีก โดยการเพิ่มโต๊ะ มีแก้วและน้ำแข็งฟรีไว้คอยบริการลูกค้า และมีพนักงานส่งเสริมการขาย นอกจากนั้น ร้านนม ร้านกาแฟ ร้านเบเกอรี่จำนวนหนึ่ง มีการแช่เบียร์ไว้ในตู้แช่ ในช่วงเย็นร้านเหล่านี้จะกลายเป็นจุดจำหน่ายแบบมีที่นั่งดื่มที่มีบรรยากาศสบายๆ"น.ส.กนิษฐากล่าว

น.ส.เบญจพร บัวสำลี  อาจารย์คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ และสวัสดิการสังคม มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ กล่าวว่า สภาพปัญหาที่เห็นได้ชัดของร้านเหล้ารอบรั้วมหาวิทยาลัย คือ การปล่อยปละละเลย ไม่ควบคุมดูแล ส่งผลต่อทัศนคติกระตุ้นพฤติกรรมของนักศึกษาให้เข้าใช้บริการเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้กลยุทธ์ที่ร้านเหล้านิยมนำมาใช้คือ โฆษณาป้าย จัดโปรโมชั่น ลดแลกแจกแถม สร้างกลุ่มตามสื่อโซเชียล เฟซบุ๊ก ไลน์ ดึงดูดนักศึกษาให้ช่วยแชร์ช่วยบอกต่อโดยไม่เสียค่าโฆษณา การสร้างเครือข่ายเพื่อนบอกเพื่อน รุ่นพี่บอกรุ่นน้อง ใช้กลยุทธ์สร้างพนักงานขายนุ่งน้อยห่มน้อย เพื่อมาเอนเตอร์เทนลูกค้า และที่เป็นปัญหาใหญ่ คือ ดึงศิลปินดารานักร้องมาแสดงหรือจัดคอนเสิร์ตในร้าน ลงทุนครั้งเดียวได้2ต่อ ที่น่าห่วงไปกว่านั้น ธุรกิจเหล่านี้จะพยายามสร้างนักศึกษา หรือ คนในชุมชนให้เป็นภาคี เพื่อเป็นเกราะป้องกันหากร้านเกิดปัญหา

“จากการลงพื้นที่สอบถามเจ้าของธุรกิจร้านเหล้า เขายอมรับว่า เน้นลูกค้าให้ได้จำนวนมากเป็นหลัก ทำทุกทางให้ลูกค้ารู้จักร้าน ส่วนผลกำไรจะตามมาเอง ดังนั้น จึงไม่แปลกที่ร้านเหล้ากลายเป็นช่องทางเพิ่มนักดื่มหน้าใหม่ มีวิธีเอาเปรียบสังคมใช้กลยุทธ์ต่างๆ หรือทำผิดกฎหมาย อย่างไรก็ตามในส่วนมหาวิทยาลัยหัวเฉียวฯที่บังคับใช้กฎระเบียบและประสบความสำเร็จ คือ ออกคำสั่งห้ามนักศึกษาเข้าไปมั่วสุมในสถานบันเทิงหรือแหล่งอบายมุขรอบสถานศึกษา โดยจะมีการตัดคะแนนความประพฤติ หรือผิดร้ายแรงถึงขั้นพักการเรียน เรามีทีมคณะกรรมการป้องปรามอบายมุขในสถาบัน โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สรรพสามิต ท้องถิ่นเป็นภาคี เมื่อไม่มีลูกค้าร้านเหล้าก็อยู่ไม่ได้  ต้องปิดตัวไปแล้วกว่า10ร้าน”น.ส.เบญจพร กล่าว

ด้าน ดร.นพพล วิทย์วรพงศ์  ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยปัญหาสุรา คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า การดื่มสุราของเยาวชนก่อให้เกิดผลกระทบ แยกเป็น1.ปัญหาที่เกิดขึ้นกับตนเอง ได้แก่ ผลการเรียนตกต่ำ 2.ปัญหาที่เกิดกับคนรอบข้าง คือ ทะเลาะกับคู่รัก มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ตั้งใจ และทะเลาะวิวาท 3.ปัญหาที่เกิดกับสังคม คือ เมาแล้วขับรถทำให้เกิดอุบัติเหตุ 4.ปัญหาด้านสุขภาพ ความสัมพันธ์ในครอบครัว และการกระทำผิดกฎหมาย ซึ่งอาจก่อให้เกิดความพิการหรืออันตรายถึงแก่ชีวิต รวมทั้งสูญเสียทางเศรษฐกิจเป็นจำนวนมาก

“การบังคับใช้กฎหมายที่มีอยู่และออกกฎหมายใหม่ที่ส่งเสริมและตอบเจตนารมณ์ของกฎหมายเดิม ถือเป็นสิ่งจำเป็น โดยจะช่วยลดปัญหาการดื่มของเยาวชนได้ คือการไม่อนุญาตให้ร้านค้ารอบสถานศึกษาขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เริ่มจากรัศมีในระดับมหาวิทยาลัยก่อน และค่อยขยายสู่สถานศึกษาระดับอื่น ทั้งนี้ การตีวงรัศมีการควบคุมให้กว้างย่อมดีกว่ารัศมีที่แคบ มีหลักฐานทางวิชาการทั้งในและต่างประเทศที่ชี้ว่าสถานที่ตั้งและจำนวนร้านขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เยาวชนดื่ม ในประเทศไทยพบว่าหากใช้เวลาในการเดินทางจากที่พักไปร้านขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้น1นาที ความน่าจะเป็นในการดื่มจะลดลงราวร้อยละ 2อย่างไรก็ตามแต่หากพิจารณาผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เช่น ธุรกิจและห้างร้าน ก็ควรอนุญาตให้ร้านค้ามีระยะเวลาเปลี่ยนผ่านไปประกอบธุรกิจอย่างอื่น ที่จะเป็นการลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นลงได้”ดร.นพพล กล่าว

ข่าวล่าสุด

โปรแกรมซีเกมส์ 2025 วันนี้ 15 ธ.ค. 68 ลิ้งก์ดูสด ถ่ายทอดสดช่องไหน