posttoday

ประชาธิปไตยที่ยั่งยืนในประเทศไทย (ตอนจบ)

22 พฤษภาคม 2558

ไม่มีกระบวนการใดที่มีความสำคัญในระบอบประชาธิปไตยมากไปกว่าการเลือกตั้ง แต่การเลือกตั้งก็ไม่ใช่ส่วนเดียวที่ทําให้มีความเป็นประชาธิปไตย

ไม่มีกระบวนการใดที่มีความสำคัญในระบอบประชาธิปไตยมากไปกว่าการเลือกตั้ง แต่การเลือกตั้งก็ไม่ใช่ส่วนเดียวที่ทําให้มีความเป็นประชาธิปไตย

ในทัศนะของเรา ประเทศไทยจะต้องใส่ใจกับการวางรากฐานเพื่อสร้างระบบการเมืองที่มีความยั่งยืนทั้งช่วงก่อนและหลังกระบวนการเลือกตั้ง มิใช่แค่ให้ความใส่ใจต่อกระบวนการการเลือกตั้งเพียงอย่างเดียว รัฐธรรมนูญและกฎหมายเลือกตั้งสามารถถูกออกแบบได้ซ้ำแล้วซ้ำอีก โดยอาศัยความช่วยเหลือจากนักวิชาการและนักกฎหมายที่เก่งที่สุดมาเป็นผู้กําหนดว่าการเลือกตั้งควรที่จะถูกดําเนินการอย่างไร แต่รัฐธรรมนูญและกฎหมายการเลือกตั้งเหล่านั้นก็ไม่อาจนําไปสู่ประชาธิปไตยที่ยั่งยืน หากยังไม่มีการวางรากฐานที่มีความสำคัญต่อระบอบประชาธิปไตยอย่างเพียงพอ

เราขอคิดทบทวนอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับบทเรียนตลอดระยะเวลา 83 ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับนัยของเหตุการณ์ความผันผวนและวุ่นวายในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา เราขอถามมิตรสหายต่างชาติของประเทศไทยว่า ท่านได้คิดพิจารณาแล้วหรือยังว่ามีประเด็นใดบ้างที่ประเทศไทยต้องแก้ไขหากต้องการให้ประเทศมีความเป็นประชาธิปไตยในความหมายที่ควรจะเป็น ที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งจะต้องยึดหลักนิติรัฐ เปิดใจรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างจากความคิดของตนเอง ส่งเสริมสนับสนุนระบบการจัดการตามแนวทางประชาธิปไตย และสร้างเสริมพลังของภาคประชาสังคมในระดับรากหญ้า

สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่มิตรต่างชาติควรจะตระหนักอย่างลึกซึ้งในเวลาที่ต้องการเรียกร้องให้ประเทศไทย “นําระบอบประชาธิปไตยกลับคืนมา”

หลักนิติรัฐหรือหลักการบังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียมกันนั้น เป็นพื้นฐานที่สำคัญในการสร้างระบอบเสรีประชาธิปไตยที่ยั่งยืน ประเทศไทยมีกรอบของระบบกฎหมายที่เป็นพื้นฐานของหลักนิติรัฐก็จริงอยู่ แต่ก็เป็นที่ชัดเจนในสายตาคนไทยว่าบ่อยครั้งเกินไปที่กฎหมายไม่ได้ถูกบังคับใช้อย่างเท่าเทียมกันระหว่างคนรวยกับคนจน ตำรวจมีภาพพจน์ที่มัวหมอง ระบบศาลไม่ได้ตัดสินคดีอย่างเป็นกลางเสมอไป และในบางครั้งผู้ที่มีเส้นสายและอิทธิพลก็เพิกเฉยกฎหมายโดยไม่ได้รับการลงโทษ

ความเชื่อที่ว่าคนทุกคนไม่ว่าจะอยู่ในระดับใด ต่างมีความเสมอภาคกันภายใต้กฎหมายนั้นยังไม่ใช่บรรทัดฐานหลักในประเทศไทย วิธีการที่จะทำสิ่งนี้ให้เกิดขึ้นได้คือสิ่งที่มีความท้าทายเป็นอย่างยิ่งสำหรับประเทศไทยในการแสวงหาประชาธิปไตย จนกระทั่งความเชื่อนี้จะมีความสำคัญและเป็นหลักในกระบวนการพัฒนาประเทศ เราไม่ค่อยมีความหวังเท่าใดนักว่าประเทศไทยจะมีความเป็นประชาธิปไตย

ความสำเร็จในการสร้างระบอบประชาธิปไตยภายใต้หลักนิติรัฐนั้น อาจเกิดขึ้นได้หากเราให้ความใส่ใจน้อยลงต่อการสร้างความแข็งแกร่งให้กับ “ความเป็นไทย” ซึ่งเป็นวิธีการคิดที่ย้อนกลับสู่อดีต ในทางกลับกัน วิสัยทัศน์และแนวทางที่ประเทศไทยจะเดินไปข้างหน้าภายใต้บริบทของประชาคมอาเซียน (AEC) ควรที่จะได้รับการให้ความสำคัญมากกว่า วิวัฒนาการของระบอบประชาธิปไตยที่ดำเนินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ สงบสันติและมั่นคงนั้น จะเกิดขึ้นได้จากการมีวิสัยทัศน์ในการมองอนาคตข้างหน้า มิใช่จากการมองอดีตที่ผ่านมา

ศาสนาพุทธสอนว่าทุกอย่างล้วนเป็นอนิจจัง สรรพสิ่งทั้งหลายล้วนเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา การตระหนักและอ้าแขนรับการเปลี่ยนแปลงที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้ อาจเป็นพื้นฐานสำหรับการเริ่มต้นที่จะพัฒนา
วิสัยทัศน์ระดับชาติ ที่จะสมานความแตกแยกและการแบ่งสีของคนในชาติ เสริมสร้างพลังของภาคประชาสังคมในการสร้างประเทศให้มีความมั่นคงและมีความยุติธรรมมากขึ้น

รวมทั้งส่งเสริมสนับสนุนหลักนิติรัฐและเปิดใจยอมรับซึ่งกันและกัน สิ่งเหล่านี้จะทำให้ระบอบเสรีประชาธิปไตยที่ยั่งยืนสามารถหยั่งรากลึกลงสู่สังคมไทยได้ในอนาคต

วิสัยทัศน์ดังกล่าวอย่างน้อยต้องรวมถึงการปฏิรูปการศึกษาทั้งระบบ เพื่อสร้างศักยภาพให้คนไทยมีลักษณะของความเป็นพลเมืองที่มีส่วนร่วมและรู้จักรับผิดชอบต่อบ้านเมือง การปรับเปลี่ยนระบบตำรวจให้เป็นผู้บังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียมกันอย่างมีประสิทธิผล การไม่ยอมรับการฉ้อราษฎร์บังหลวงโดยเด็ดขาด การปฏิรูประบบราชการแบบรวมศูนย์อํานาจที่มีขนาดเทอะทะให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น การตัดทอนและเพิ่มความคล่องตัวให้แก่โครงสร้างที่ตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนและผลประโยชน์ที่แตกต่างหลากหลายในระดับท้องถิ่น

ตัวอย่างของบางประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกที่ทำให้วิสัยทัศน์การเปลี่ยนแปลงเพื่อฟื้นฟูประเทศดังกล่าวเกิดขึ้นได้ อันส่งผลให้เกิดระบอบประชาธิปไตยที่อยู่บนพื้นฐานของชนชั้นกลางและกลายเป็นสังคมที่มีความมั่งคั่ง น่าจะเป็นแรงบันดาลให้แก่ประเทศไทยได้

มิตรต่างชาติทั้งหลายควรตระหนักถึงอุปสรรคทั้งทางสังคม วัฒนธรรม และการเมือง ในการที่จะสร้างและทำให้วิสัยทัศน์ใหม่และระบอบประชาธิปไตยของไทยเกิดขึ้นได้

ต่างชาติควรจะยอมรับว่าวาระที่ยากยิ่งเช่นนี้เป็นเป้าหมายระยะยาว ผลสำเร็จนั้นไม่อาจเกิดขึ้นได้ช่วงเวลาข้ามคืน ผู้ที่เข้ามาแข่งขันแย่งชิงเพื่อควบคุมอํานาจทางการเมืองอาจจะกระทําในนามของหลักประชาธิปไตย แต่ความเป็นจริงในอีกสักช่วงเวลาหนึ่ง เราจะยังคงเห็นรัฐบาลที่ใช้อํานาจกึ่งเผด็จการ ที่อำพรางแนวคิดในลักษณะ “ประชาธิปไตยแบบชี้นำ” “ช่วงเวลาของการเตรียมตัว” หรือการใช้คำอื่นๆ เพื่อบดบังความไม่ไว้วางใจที่จะมอบอนาคตของประเทศให้อยู่ภายใต้กระบวนการประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวาง

ชาวต่างชาติควรมีความเห็นอกเห็นใจ เสนอคำวิพากษ์วิจารณ์ที่สร้างสรรค์ตรงไปตรงมา แต่ในขณะเดียวกันก็ให้กำลังใจอยู่เบื้องหลัง หลีกเลี่ยงการยื่นคำขาดต่อหน้าสาธารณะให้ประเทศไทยรีบจัดการเลือกตั้งโดยทันทีทันใด เพื่อ “กลับคืนสู่ความเป็นประชาธิปไตย” ซึ่งรังแต่จะสร้างความ
อิดหนาระอาใจ

เราเชื่อมั่นว่าประชาธิปไตยที่แท้จริงจะเกิดขึ้นในประเทศไทยในเวลาอันสมควร แต่แรงกดดันจากต่างประเทศไม่ว่าจะมากเพียงใดก็ตาม จะไม่สามารถเร่งวันเร่งคืนให้วันนั้นมาถึงเร็วขึ้นได้ เมื่อใดที่คนไทยยอมรับว่าโครงสร้างค่านิยมในอดีตที่มิอาจหวนคืนมาไม่ว่าจะคงความตราตรึงในความทรงจำ
เพียงใดก็ตาม ไม่สอดคล้องกับความต้องการระบอบประชาธิปไตยในอนาคต เมื่อนั้นประเทศไทยจะก้าวกระโดดไปบนหนทางที่นำไปสู่ระบอบเสรีประชาธิปไตยที่ยั่งยืน

เมื่อไม่นานมานี้ หลายๆ ประเทศที่เคยมีรัฐบาลเผด็จการและมีลักษณะสังคมลำดับขั้น เช่น เกาหลี ไต้หวัน โปรตุเกส และสเปน ซึ่งต่างก็มีความภาคภูมิใจในเอกลักษณ์และวัฒนธรรมที่โดดเด่นของตน ได้ผ่านกระบวนการปรับเปลี่ยนปฏิรูปประเทศไปสู่ระบอบประชาธิปไตยที่มีคุณภาพสูงขึ้น และยึดหลักนิติรัฐอย่างเคร่งครัดโดยที่มิต้องละทิ้งวัฒนธรรมของชาติ ถึงเวลานี้อนาคตของประเทศไทยขึ้นอยู่กับประชาชนชาวไทยทุกคนในการที่จะสร้างสิ่งที่พึงปรารถนาเหล่านี้ให้เกิดขึ้น

เหนือสิ่งอื่นใด คนไทยเท่านั้นที่จะเป็นผู้ตัดสินใจหารูปแบบของรัฐบาลที่ตนพึงปรารถนาและยอมรับได้ และไม่ว่าการตัดสินใจนั้นจะออกมาเป็นอย่างไร หวังเป็นอย่างยิ่งว่ารูปแบบการปกครองที่คนไทยพึงปรารถนานั้นจะอยู่บนพื้นฐานของวัฒนธรรมที่มีความเป็นประชาธิปไตยและสามารถนำประเทศไปสู่สังคมที่มีความยุติธรรมและเท่าเทียมกันในที่สุด

ข่าวล่าสุด

ไทยพาณิชย์ชู 3 แกนพัฒนาคน รับรางวัล HR Leader for Social Impact 2025