posttoday

ประเมินความเสี่ยง-กวดเข้มวินัยจราจร เซฟชีวิต‘นักปั่น’บนเส้นทางอันตราย

05 พฤษภาคม 2558

เหตุการณ์รถเก๋งเสียหลักพุ่งชนกลุ่มนักปั่นจักรยาน ช่วงเช้าของวันที่ 3 พ.ค.บริเวณถนนเชียงใหม่-เชียงราย

โดย...นิติพันธุ์ สุขอรุณ

เหตุการณ์รถเก๋งเสียหลักพุ่งชนกลุ่มนักปั่นจักรยาน ช่วงเช้าของวันที่ 3 พ.ค.บริเวณถนนเชียงใหม่-เชียงราย ขาออก ช่วงกิโลเมตรที่ 8-9 หมู่ 4 ต.ตลาดขวัญ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 คน ไม่ใช่ครั้งแรกที่ชีวิตของนักปั่นจักรยานต้องถูกสังเวยให้กับเสี้ยววินาทีของอาการเมาสุราที่ทำให้ผู้ขับรถยนต์หมดสติ

ก่อนหน้านี้วันที่ 10 เม.ย. ก็มีเหตุรถกระบะขับชนท้ายจักรยานของครูโรงเรียนนิคมสร้างตนเอง ต.ทุ่งมะพร้าว อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา เสียชีวิตขณะปั่นออกกำลังกายตอนเช้า รวมถึงกรณี 2 สามีภรรยาชาวอังกฤษ “ปีเตอร์-แมรี่ ทอมป์สัน” นักปั่นจักรยานรอบโลก ที่ถูกรถชนเสียชีวิตเมื่อวันที่ 13 ก.พ. 2556 ขณะปั่นจักรยานผ่านเขต อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ทั้งๆ ที่ผจญภัยมาแล้วรอบโลก ไปทั่วทวีปยุโรป ตะวันออกกลาง จีน และอีก 23 ประเทศ แต่ก็มาเสียชีวิตที่ประเทศไทยในที่สุด

นอกจากคดีใหญ่ๆ แล้ว ก็ยังมีกรณีที่ไม่ได้เป็นข่าวอีกมากมาย ซึ่งล้วนแต่เกิดความสูญเสียไม่ต่างกัน

ธงชัย พรรณสวัสดิ์ ประธานชมรมปั่นจักรยานเพื่อสุขภาพแห่งประเทศไทย ให้ความเห็นว่า การปั่นจักรยานบนไหล่ทางถือเป็นสิทธิที่ทุกคนทำได้ ฉะนั้นการบอกว่าไม่ให้ขี่บนไหล่ทางคงเป็นไปไม่ได้ ซึ่งเหตุการณ์ที่รถยนต์เฉี่ยวชนจักรยานหรือรถจักรยานยนต์เกิดขึ้นทุกเดือน ดังนั้นประเด็นสำคัญจึงเป็นเรื่องของการบังคับใช้ยานพาหนะ ที่ผู้ขับขี่ต้องมีความรับผิดชอบ มีความระมัดระวังไม่อยู่ในอาการมึนเมา หรือง่วงนอน รวมถึงหน่วยงานที่ต้องกวดขันเคร่งครัด เรื่องนี้มีการพูดคุยมานานกว่า 10 ปีแล้ว แต่ยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น

อย่างไรก็ตาม อีกมุมหนึ่งนักปั่นจักรยานควรจัดการความเสี่ยงด้วยตัวเอง คือพิจารณาว่าเส้นทางที่ใช้มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุมากหรือไม่ เช่น เป็นถนนหลวงสายหลักที่มีรถยนต์ขับผ่านด้วยความเร็วสูงหรือไม่ ถ้าหากมีปัจจัยอย่างนี้ นักปั่นก็ควรหลีกเลี่ยงไปใช้ถนนสายรองที่มีขนาดช่องทางแคบ ทั้งยังคดเคี้ยวไม่ตรง รถยนต์ไม่มาก ใช้ความเร็วไม่สูง โอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุก็จะน้อยกว่า ถือเป็นทางเลือกที่ช่วยดูแลตัวเองก่อน แต่หลักสำคัญคือการผลักดันให้บังคับใช้กฎหมายเพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของผู้อื่นที่ไม่เฉพาะจักรยานเท่านั้น แต่รวมถึงรถอีแต๋น หรือเด็กข้ามถนนไปโรงเรียน

“นักปั่นจักรยานต้องดูแลตัวเองก่อน ด้วยการใช้เส้นทางที่ไม่มีความเสี่ยง หรือการซ้อมปั่นในช่วงเวลาเช้ามืดก็ยังมีความอันตรายสูง ถึงกระนั้นอุบัติเหตุที่เกิดจากผู้ขับรถยนต์อาการมึนเมาก็ยากที่จะป้องกันได้ นักจักรยานทีมชาติก็ซ้อมบนถนนเหมือนกัน แต่ไม่เคยมีเหตุการณ์นักปั่นทีมชาติถูกรถยนต์ชน เนื่องจากพวกเขาเลือกใช้เส้นทางที่ความเสี่ยงต่ำ ดังนั้นนักปั่นจักรยานทั้งหลายต้องเข้าใจว่า ไม่ใช่จะไปขี่ที่ไหนก็ได้ตามใจฉัน” ธงชัย กล่าว

ด้าน พ.ต.อ.มงคล สัมภวะผล รองผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า พนักงานสอบสวนได้ดำเนินคดีกับนักศึกษาสาวขับรถชนจักรยานจนมีผู้เสียชีวิตใน 3 ข้อหา คือ ขับขี่โดยประมาททำให้ผู้อื่นเสียชีวิต กระทำการทำให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย และขับขี่รถในขณะเมาสุรา โดยเจ้าตัวยอมรับว่าไปเที่ยวสถานบันเทิงจนถึงเช้า แล้วได้ขับรถกลับบ้านในพื้นที่ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ แต่ระหว่างทางเมาและง่วง ได้จอดรถข้างทางเพื่องีบได้สักพักก่อนขับรถต่อ จนกระทั่งเกิดอุบัติเหตุ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะสืบสวนขยายผลถึงสถานบริการดังกล่าวว่าตั้งอยู่ในพื้นที่ใด หากพบว่ามีการเปิดเกินเวลาก็ต้องมีผู้รับผิดชอบ

พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติกวดขันเรื่องการตั้งด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์ให้มีความสม่ำเสมอ และหากพบผู้กระทำผิดต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ห้ามต่อรองหรือละเว้น อีกทั้งสั่งให้ตรวจสอบข้อมูลถึงต้นเหตุที่ทำให้เกิดโศกนาฏกรรมครั้งนี้ว่าเป็นการดื่มจากที่ใด หากเป็นสถานบันเทิงก็ให้ตรวจสอบด้วยว่ามีการกระทำผิดกฎหมายร่วมด้วยหรือไม่ เช่น เปิดเกินเวลา เพราะในขณะเกิดเหตุซึ่งเป็นช่วงเช้าตรู่ แต่ผู้ขับขี่ให้การว่ายังมีอาการเมาค้าง ซึ่งไม่อยากให้ดำเนินการเฉพาะกับเหตุที่เกิดขึ้น แต่ควรจัดการกับต้นตอที่ร่วมก่อให้เกิดเหตุด้วย

ภก.สงกรานต์ ภาคโชคดี ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) แสดงทัศนะในอีกด้านถึงการเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบว่า ผู้ก่อเหตุกรณีรถเก๋งชนจักรยานที่ จ.เชียงใหม่ ได้ไปดื่มแอลกอฮอล์ที่ร้านใด เป็นเหตุให้เกิดโศกนาฏกรรมขึ้น เพราะร้านเหล้าจำหน่ายสุราให้กับผู้ที่ครองสติไม่ได้ ซึ่งมีความผิดตามมาตรา 29 พ.ร.บ.ควบคุมแอลกอฮอล์ 2551 มีโทษจำคุก 1 ปี ปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท

“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขอเรียกร้องให้ทางตำรวจเอาผิดกับร้านค้า เพราะหากผู้ขายแอลกอฮอล์ปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่ขายให้ผู้มีอาการมึนเมา ปัญหาเมาแล้วขับก็จะลดลง หากผู้ดื่มไม่ก่ออุบัติเหตุทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ทั้งผู้ก่อเหตุและร้านเหล้าต้องร่วมกันรับผิดชอบ เนื่องจากร้านเหล้ามีส่วนสนับสนุนให้เกิดอุบัติเหตุ” ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า กล่าว

อย่างไรก็ตาม หากไม่มีการแก้ปัญหาเมาแล้วขับให้เข้มงวด ยอดการเกิดอุบัติเหตุพิการเสียชีวิตจะเพิ่มขึ้นต่อไป ท้ายที่สุดอยากเรียกร้องรัฐบาลใช้กฎหมายแก้ปัญหาอย่างจริงจัง และเรียกร้องให้อุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับผู้ขาย ไม่ใช่ไปชี้ช่องส่งเสริมเพื่อหวังยอดขายเพียงอย่างเดียว

ข่าวล่าสุด

"พลังงาน" สั่งเข้ม! ตรวจสอบปริมาณส่งออกน้ำมัน ทางบก-เรือ พร้อมร่วมมือกองทัพสกัดลักลอบส่งน้ำมันเข้ากัมพูชา