posttoday

เหยื่อโรฮิงยาคาดตาย500ศพ

04 พฤษภาคม 2558

พยานเผยชาวโรฮิงยาถูกสังหารโหดจำนวนมากในแคมป์กักขังกลางป่าทั้งใช้ไม้ทุบตี-ปืนยิง

พยานเผยชาวโรฮิงยาถูกสังหารโหดจำนวนมากในแคมป์กักขังกลางป่าทั้งใช้ไม้ทุบตี-ปืนยิง

นายกูราเมีย ชาวโรฮิงยา ที่ทำงานอยู่ใน จ.นครศรีธรรมราช น้าชายของนายคาซิม หนึ่งในชาวโรฮิงยาที่ถูกฆ่าและฝังอยู่ในแคมป์กลางป่าในพื้นที่ อ.สะเดา จ.สงขลา เปิดเผยว่า เมื่อหลายเดือนก่อนนายอานัว ซึ่งเป็นผู้ต้องหาชาวโรฮิงยาที่พาชาวโรฮิงยามาอยู่ในแคมป์ได้ติดต่อมาบอกว่า คุมตัวหลานชายตัวเองไว้ และขอค่าไถ่เป็นเงิน 9.5 หมื่นบาท

ทั้งนี้ หลังจากโอนเงินไปแล้วปรากฏว่ายังไม่ยอมปล่อยตัวหลานชาย จนกระทั่ง 15 วันผ่านไปได้เรียกเงินเพิ่มอีก แต่เมื่อไม่มีเงินให้จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความกับตำรวจ จ.นครศรีธรรมราช จนนายอานัว
รู้ว่าถูกแจ้งความ จึงได้ฆ่าหลานชายของตัวเอง

เหยื่อชาวโรฮิงยา อีกรายระบุว่า ขณะที่อยู่ในแคมป์รู้ว่ามีการตายเกิดขึ้นมากกว่า 500 คน จากทุกแคมป์ตามแนวชายแดนไทยมาเลเซีย โดยแคมป์ที่เจ้าหน้าที่ค้นพบหลุมศพนั้น มีชาวโรฮิงยา 700-800 คน ถูกคุมตัวอยู่ที่ดังกล่าว ซึ่งขณะนี้มีชาวโรฮิงยาอีกนับพันคนที่รอให้ญาติไถ่ตัวหรือซื้อขายแรงงานกัน

ชาวโรฮิงยารายนี้ กล่าวว่า ช่วงที่อยู่ในแคมป์มีคนถูกฆ่าตายอย่างไร้ความปราณี ด้วยการใช้ท่อนไม้ขนาดใหญ่ทุบตีจนตาย หรือใช้อาวุธปืนยิงประมาณ 17-20 คน 

พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกรัฐบาล กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีให้นโยบายว่า บุคคลใดที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์จะต้องได้รับการลงโทษอย่างถึงที่สุด และหากจำเป็นต้องใช้มาตรา 44 ร่วมด้วย ก็พร้อมทำ

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบหลุมฝังศพชาวโรฮิงยากว่า 30 หลุม บริเวณภูเขาลูกช้างบ้านตะโละ ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา จนนำไปสู่การขยายผลที่มาการเสียชีวิต

แหล่งข่าวเปิดเผยว่า เป้าหมายของชาวโรฮิงยาในประเทศพม่าต้องการเดินทางออกไปสู่ประเทศที่ 3 เพื่อหางานทำให้มีชีวิตดีขึ้น ปัจจุบันชาวโรฮิงยามีมากที่สุดตามพรมแดนไทย-มาเลเซีย สำหรับการเดินทางได้รับความร่วมมือจากกลุ่มทุนทั้งในพม่า จ.ระนอง และในมาเลเซีย แต่ระหว่างเดินทางจะเกิดปัญหาการพลัดหลงและถูกจับกุม จนในที่สุดตกเป็นผู้ถูกเรียกค่าไถ่

ข่าวล่าสุด

วปอ.68 มอบตาข่ายป้องกันโดรน ทิ้งระเบิด และสิ่งของ ช่วยทหารชายแดนภาค 2